“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง มีเรือนจำที่อยู่ระหว่างควบคุมการระบาดเพียง 4 แห่ง ขณะที่ผู้ต้องขังรับวัคซีนครบโดสแล้ว 94.6%”

ในวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 เวลา 08.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม ๕ แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ COVID-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ ๘๕/๒๕๖๔ โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ยังคงดีขึ้น มีเรือนจำสีขาว 133 แห่ง และเรือนจำสีแดง 9 แห่ง โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นเรือนจำที่อยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 4 แห่ง และเรือนจำอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) อีก 5 แห่ง

ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 18 ราย (พบในห้องแยกกักโรค 10 ราย และในเรือนจำสีแดง 8 ราย) โดยไม่มีรายงานการเสียชีวิตติดต่อกันเป็นเวลา 15 วัน ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 874 ราย (กลุ่มสีเขียว 79.1% สีเหลือง 20.5% และสีแดง 0.4%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 83,765 ราย หรือ 96.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 86,960 ราย เสียชีวิตสะสม 185 ราย คิดเป็น 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนของกรมราชทัณฑ์ ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือครบโดสแล้ว จำนวน 265,757 ราย หรือคิดเป็น 94.6% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 280,916 ราย

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม สรุปว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำถือว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับแผนการบริหารจัดการเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การป้องกันเชื้อจากภายนอกและภายใน ทั้งการบริหารจัดการห้องกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ให้ได้มาตรฐาน การระวังเชื้อจากเจ้าหน้าที่และสิ่งของที่อาจแพร่เข้าเรือนจำอย่างเคร่งครัด ตลอดจนการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิแก่ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ให้ครบจนสามารถเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ นอกจากนี้ ยังต้องเร่งลดความแออัดในเรือนจำทัณฑสถานทั่วประเทศ 2. การรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อตามมาตรฐานและแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข และ 3.การปล่อยตัวผู้พ้นโทษจากเรือนจำ ต้องดำเนินการภายใต้มาตรการมิให้นำเชื้อออกภายนอกตามที่กรมราชทัณฑ์กำหนด ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังและยกระดับมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นภายในเรือนจำและทัณฑสถานได้อีก

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว จำนวน 14 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 2 ราย และเยาวชน 12 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 52 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 4 แห่ง พบมีการติดเชื้อ 3 แห่ง และหมดสถานะ 1 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นรวมจำนวน 3,176 ราย หรือคิดเป็น 81.58% จากทั้งหมด 3,893 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3,925 ราย หรือคิดเป็น 93.16% จากทั้งหมด 4,213 ราย

///////////////////////////////////