เปิดศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ โคก หนอง นา เขตลาดกระบัง ใช้พื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์ตามศาสตร์พระราชา

(23 ธ.ค.64) เวลา 16.00 น. : นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ โคก หนอง นา ของสำนักงานเขตลาดกระบัง เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา “โคก หนอง นา โมเดลอันเป็นพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 โดยมี นายสุทธิชัย ทรรศนะสฤษดิ์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ผู้บริหารสำนักงานเขตลาดกระบัง หัวหน้าสำนักงานเกษตรพื้นที่ 2 หัวหน้าสำนักงานปศุสัตว์พื้นที่ 2 ประธานเครือข่ายชุมชนเขตลาดกระบัง ผู้บริหารสถานศึกษาและนักเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตลาดกระบัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ สำนักงานเขตลาดกระบัง

ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ โคก หนอง นา เขตลาดกระบัง เป็นโครงการที่กรุงเทพมหานครมีนโยบายที่จะนำพื้นที่ว่างเปล่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ สำนักงานเขตลาดกระบังได้ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน จัดสร้างศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา “โคก หนอง นา โมเดล” อันเป็นพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ ในการบริหารจัดการน้ำและกิจกรรมทางการเกษตร ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน ภายในพื้นที่สำนักงานเขตลาดกระบัง ซึ่งได้จัดสรรพื้นที่ในการใช้ประโยชน์ ประกอบด้วย

1.นาข้าว ทำการปลูกข้าวนาโยน ได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมปทุมธานี 1 อายุเก็บเกี่ยว 120 วัน จากศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน8แขวงทับยาว ซึ่งผู้บริหารเขตลาดกระบังได้ร่วมกันโยนกล้า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.64 คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวในประมาณวันที่ 15 ก.พ.64 โดยเมล็ดพันธุ์ที่ได้จะนำไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกต่อไป

2.บ่อเลี้ยงปลา 2 บ่อ และคลองเชื่อมระหว่างบ่อ เป็นหนึ่งในพื้นที่หนองน้ำที่มีประโยชน์ในการเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนพันธุ์ปลาจากสำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 5,000 ตัว และอาหารปลาจากศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ประจำแขวงคลองสองต้นนุ่น

3.แปลงพืชผักสวนครัวรั้วกินได้เน้นพืชผักที่ใช้บริโภคในครัวเรือนเหลือสามารถแบ่งปันและจำหน่ายได้ เช่น ผักคะน้า พริก กะเพรา สะระแหน่ ผักบุ้ง เป็นต้น

4.โรงเรือนเพาะเห็ดนางฟ้า จำนวน 500 ก้อน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตและจำหน่ายได้ประมาณ 200 กิโลกรัมและยังคงเก็บได้ต่อเนื่องประมาณ 4-6 เดือน

5.โรงเรียนเลี้ยงไก่ไข่และนกกระทา เพื่อเป็นต้นแบบให้เกษตรกรและผู้สนใจได้เลี้ยงสัตว์เพื่อลดรายจ่าย และเสริมอาหารโปรตีนในครอบครัว

6.การเพาะเลี้ยงไส้เดือน การทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ เพื่อนำเศษวัชพืชและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ให้เกิดประโยชน์และลดต้นทุนรวมถึงลดการใช้สารเคมีในทางการเกษตร

รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ โคก หนอง นา เขตลาดกระบัง เป็นความตั้งใจของผู้บริหารเขตลาดกระบัง เครือข่ายภาครัฐและเอกชน ที่มีความต้องการที่จะปรับเปลี่ยนพื้นที่ว่างภายในสำนักงานเขตลาดกระบัง ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ ซึ่งได้น้อมนำ “โคก หนอง นา โมเดล” พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้บริหารจัดการน้ำและพื้นที่ การเกษตร โดยมีการผสมผสานภูมิปัญญาพื้นบ้านให้สอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่ เป็นตัวอย่างให้แก่นักเรียน เกษตรกรและประชาชน ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตร ซึ่งถือว่าในพื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน สามารถจัดสรรพื้นที่จัดกิจกรรมทางการเกษตรได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแปลงข้าวนาโยน บ่อเลี้ยงปลา แปลงพืชผัก โรงเรือนเลี้ยงไก่ เลี้ยงนกกระทา การเพาะเห็ด การนำพืชผักและวัสดุเหลือใช้มาใช้ เพาะเลี้ยงไส้เดือน ทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งในแต่ละฐานกิจกรรมทำให้ผู้เข้ามาศึกษาสามารถนำไปปรับใช้กับสภาพพื้นที่ได้ตามความเหมาะสม และยังนับได้ว่าศูนย์เรียนรู้ฯแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในเขตลาดกระบังที่ผู้มารับบริการภายในสำนักงานเขตต้องแวะมาเยี่ยมเยียนและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ทั้งนี้สำนักงานเขตลาดกระบังและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จะได้ร่วมกันดูแลรักษา ต่อยอด และสืบสานกิจกรรมของศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ โคก หนอง นา ของสำนักงานเขตลาดกระบัง คงไว้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ยั่งยืนคู่เขตลาดกระบังตลอดไป