ปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถกปัญหาดินเค็มผลกระทบจากการประกอบกิจการบ่อทราย เร่งบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกร

วันที่ 22 ธันวาคม 64 ที่ ห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัด นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต(สุ-วัน-นะ-สุ-จะ-หริด) ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะ จากนั้น ได้มอบหมายให้ นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำคณะลงพื้นที่ อ.บางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบและรับฟังปัญหาจากเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ กรณีปัญหาดินเค็มบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับการประกอบกิจการบ่อดูดทราย แนะควรเร่งยกระดับมาตรการกำกับดูแล เยียวยา พร้อมหาแนวทางฟื้นฟูแก้ไขปัญหาดินเค็มอย่างยั่งยืน เร่งพลิกฟื้นที่ดินทำกินให้กลับมาสมบูรณ์และกลับมาทำการเกษตรดังเดิมโดยเร็ว

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต เผยถึงการลงพื้นที่ครั้งนี้ว่า สืบเนื่องมาจากกรณีได้รับเรื่องร้องเรียนว่ากิจการบ่อดูดทรายในอำเภอบางบาลปล่อยน้ำเสียรั่วไหลลงสู่คลองชลประทาน ซึ่งที่ผ่านมาตรวจสอบพบแนวคันดินโดยรอบพื้นที่ของบ่อดินบางส่วนไม่เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาต ทำให้น้ำในบ่อดินรั่วไหลออกนอกบริเวณที่ได้รับอนุญาตและยังพบปัญหาที่เกิดจากการประกอบกิจการบ่อดูดทรายอื่นๆ เช่น การขุดตักหน้าดินนอกเหนือเวลาที่ได้รับอนุญาต ขนส่งทรายเป็นเหตุให้ถนนเสียหายและเกิดฝุ่นละออง และมีการปิดกั้นทางลำรางสาธารณประโยชน์ ทำให้เกษตรกรและชุมชนใกล้เคียงได้รับผลกระทบโดยเฉพาะปัญหาดินเค็ม ทำการเกษตรไม่ได้ผล เกษตรกรได้รับความเสียหาย ซึ่งได้เคยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลและติดตามตรวจสอบการประกอบกิจการของบ่อทรายตามแผนการตรวจสอบโรงงานประจำปี และตามเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอย่างเคร่งครัด แต่ปัจจุบัน ภายหลังจากการติดตามการแก้ไขปัญหาและรับทราบผลตรวจสอบตัวอย่างดินจากแปลงดินของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ยังคงพบปัญหาดินเค็มจากบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ประกอบกิจการบ่อทรายที่ยังกระทบต่อการปลูกพืชอย่างรุนแรง ทำให้เกษตรกรยังคงได้รับความเดือดร้อน จึงได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นเป็นเรื่องร้องเรียนใหม่ พร้อมเร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเร่งบูรณาการความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้หลังได้ลงพื้นที่อำเภอบางบาล โดยได้รับความร่วมมือจาก นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพปัญหาบริเวณบ่อทรายบ่อรุกพญาแล ซึ่งยังพบเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบยังอ้างว่าผู้ประกอบการบ่อทรายยังปล่อยน้ำสู่พื้นที่เกษตรทำให้ปลูกข้าวไม่ได้ผลและยังไม่มีการแก้ไขเยียวยาเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ในช่วงบ่ายจึงเร่งประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมการข้าว สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางบาล องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำเต้า สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 สุพรรณบุรี สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 3 ผู้ประกอบการ และผู้แทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งผลจากที่ประชุม ได้สรุปแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ใน 4 ประเด็น ประกอบไปด้วย

1. กรณีดินเค็ม นั้นโดยสภาพทางธรณีวิทยา จังหวัดอยุธยาเป็นชั้นดินเค็ม และได้รับการยืนยันจากผู้ประกอบการว่า ปัจจุบันไม่มีการปล่อยน้ำเสียจากกระบวนการผลิตลงสู่คลองแล้ว

2. กรณีการฟื้นฟูเหตุที่เกิดจากบ่อรุกพญาแลเมื่อปี 61 ให้กรมชลประทานโดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางบาลมีการปล่อยน้ำดีเพื่อขับน้ำเสียโดยเฉพาะในคลองน้ำทิ้ง กรณีปัญหาที่เกิดจากน้ำท่วมให้จังหวัดเป็นหน่วยงานหลักในการจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ และเกษตรกร ในการหารือร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรโดยให้มีการบำบัดน้ำให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก่อนที่จะปล่อยออกนอกพื้นที่ โดยกำหนดเงื่อนไขให้เหมาะสมและเร่งดำเนินการให้มีคณะทำงานร่วมกันในการตรวจวัดคุณภาพน้ำโดยให้เกษตรกรเข้าร่วมในการตรวจวัดคุณภาพน้ำก่อนปล่อยน้ำ รวมทั้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำเต้าจัดสรรงบประมาณในการจัดหาเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพน้ำโดยพิจารณาตามความเหมาะสมและความจำเป็น โดยประสานกับสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 จังหวัดปทุมธานี ทั้งนี้ ขอให้สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 จังหวัดปทุมธานีมีมาตรการและเร่งฟื้นฟูดินเพื่อให้เกษตรกรสามารถปลูกข้าวให้ได้ผลผลิตที่เหมาะสมต่อไป

3.ประเด็นข้อบัญญัติขอให้จังหวัดตั้งคณะกรรมการโดยให้องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำเต้าเข้าร่วมเป็นกรรมการโดยมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และผู้ประกอบการ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพื่อกำหนดแนวทางในการควบคุมเร่งด่วนต่อไป

4. การกำกับดูแลให้อุตสาหกรรมจังหวัดติดตามตรวจสอบการประกอบกิจการของผู้ประกอบการบ่อดูดทรายในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งให้จังหวัดแจ้งนโยบายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนและเร่งแก้ไขโดยเร็ว