เที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน เที่ยวนครพนม นครริมน้ำโขงวิวทิวทัศน์สวยงาม

พี่หนุ่ม-สุทน ได้เดินทางไป จ.นครพนม  โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม นำคณะสื่อมวลชนชมรมนักข่าวท่องเที่ยว เดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อนำเรื่องราวมาเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวเมืองนครพนม พี่หนุ่ม-สุทน ขอเริ่มต้นตามโปรแกรมที่ ททท.สำนักงานนครพนมเค้านำเสนอตามเส้นทางเชื่อมโยง 3 จังหวัด  คณะสื่อมวลชนออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเวลา 08.30น. ถึงสนามบินนครพนมประมาณ 10 โมงเช้า แล้วเดินทางด้วยตู้ปรับอากาศเย็นสบาย

จุดแรกนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธ์ในวัดธาตุมหาชัย มีองค์พระธาตุประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหัตธาตุและศาลาประดิษฐานสังขารหลวงปู่คำพันธ์ พระอริยสงฆ์เจ้า เป็นที่เคารพของชาวบ้านชาวเมืองนครพนม  เสร็จแล้วเดินทางไป อ.ท่าอุเทน ถึงปากน้ำแม่น้ำสงคราม ไหลลงรวมกับแม่น้ำโขงกลายเป็นแม่น้ำสองสี วิวทิวทัศน์สวยงามและมีร้านอาหารปากน้ำ เป็นร้านชาวบ้านเล็กๆ มีอาหารประเภทปลาและกุ้งน้ำจืดสดมากๆ ส่วนรสชาติของอาหารผัดปลา ต้มยำกุ้งเข้มข้นอร่อยมาก เสร็จแล้วแวะวัดไตรภูมิ ในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปเป็นพระประธานสององค์ (ชาวบ้านเล่าว่าพอมีพิธีอุปสมบทต้องจุดธูปบอกท่านว่าให้ตกลงกันวันนี้พระพุทธรูปองค์ไหนจะเป็นพระธานการอุปสมบท ฮ่าๆ แปลกนะครับจะบอกให้)

แล้วเดินทางไปเรืยนรู้เรื่องเกษตร ไร่คุณเตือนใจ ติดแม่น้ำโขงอากาศลมพัดผ่านเย็นสบาย   ทำให้ทั้งคณะสื่อมวลชนอยากนอนหลับสักงีบกันเลยเชียว  ฉับพลันได้ยินคำว่ากินแตงโมไร้เมล็ดทุกคนตาสว่างจ้า แตงโมพันธุ์ใหม่ของไร่คุณเตือนใจ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านครพนมมีแตงโมเนื้อดีขนาดนี้  เริ่มชิมชิ้นเล็กๆ  ขอบอกรสชาติหวานเหมือนจิ้มน้ำตาลทรายฮิฮิ ฮ่าๆไม่พอชิม ตอนนี้บอกตรงๆทุกคนกินแตงโม ไม่มีคำว่าชิมแล้ว  ไม่พอเอาอีก  ทุกคนอิ่มอกอิ่มใจด้วยแตงโมของไร่คุณเตือนใจ เป็นพันธุ์ผสมหรือพันธุ์ใหม่ของไร่ ลูกใหญ่มาก  นอกจากนี้ยังมีมะเขือเทศสามสี ลูกเล็กๆ ไม่เมล็ดเช่นกัน มีไร่ข้าวโพดหวานไม่ต้องต้มกินได้เลย และสุดท้ายกาแฟสดของไร่คุณเตือนปลูกในไรเป็นพื้นดินราบแต่รสชาติกาแฟ เมื่อคั่วออกมาแล้วรสชาติเข้มข้นถือว่าใช้ได้สำหรับคอกาแฟสด

เดินทางต่อไปวัดพระธาตุท่าอุเทน ตั้งอยู่ติดแม่น้ำโขงองค์พระธาตุดูเด่นชัดสง่างาม เป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองนครพนมมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน องค์พระธาตุประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนหน้าวัดมีร้านค้าของฝากเสื้อผ้าสวยๆ หลากหลาย ที่น่าสนใจมากคือผลิตภัณฑ์เครื่องเงินแบบของสุภาพสตรีเลือกซื้อได้ ร้านชาวบ้านมาตั้งขายเอง หลังจากนั้นเดินทางต่อเข้าตัวเมืองนครพนม เลียบแม่น้ำโขงผ่านชุมชนบ้านหนองแสงเป็นชุมชนชาวคริสวัดนักบุญอันนา วัดของชาวคริสต์มีโบสถ์คริสต์สวยงามมาก แล้วคณะสื่อมวลชนแวะวัดโอกาสศรีบัวบาน วัดนี้ถือว่าเป็นวัดสำคัญมีมาตั้งแต่เมืองศรีโคตรบูร ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองศรีโคตรบูรถึงปัจจุบันเมืองนครพนมหรือ จ.นครพนมเป็นชื่อพระราชทานจากรัชกาลที่1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (สำหรับพระติ้ว พระเทียมเรียกขานกันมาตั้งแต่เป็นเมืองศรีโครตบูร เรียกพระติ้ว พระเทียม พระพุทธรูปคู่แฝด มีเรื่องมีราวเล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน สมัยเมืองศรีโคตรบูรรุ่งเรืองปี1328 ได้จัดสร้างโรงเก็บเรือ แล้วเข็นเรือขึ้นมาเก็บ สมัยนั้นต้องมีไม้หมอนหรือไม้ท่อนรองรับเพื่อเข็นเรือปรากฎว่าไม้ติ้วที่เป็นไม้หมอนกระเด็นออกมา ทำให้พระยาเมืองศรีโครตบูรแปลกใจจึงสั่งให้นำไม้ติ้วมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปเรียกว่าพระติ้วและต่อมาเกิดเหตุไฟไหม้หอพระติ้วแล้วพระติ้วหายไปเจ้าเมืองศรีโคตรบูรเห็นว่าพระติ้วหายไปจึงสั่งให้แกะสลักพระติ้วขึ้นมาใหม่พุทธลักษณะเหมือนกันทุกปราการแล้วจัดงานสมโภชพระติ้วองค์ใหม่ ปรากฎว่าตอนเช้าชาวประมงในแม่น้ำโขงพบพระติ้วลอยน้ำอยู่จึงได้อัญเชิญมามอบให้เจ้าเมือง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เลยเรียกพระติ้ว พระเทียม

ได้เวลา16.00น. คณะสื่อมวลชนเข้าที่พักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมาลงเรือท่าเรือเทศบาลนครพนม เป็นเรือสองชั้นเรือออกจากท่าเพื่อให้ทันแสงอาทิตย์ส่องลงกลางหลังคาโบสถ์คริสต์วัดนักบุญอันนา ธรรมชาติหรือสิ่งมหัศจรรย์ไม่สามารถจะบอกได้ เมื่อแสงอาทิตย์ดวงกลมๆ อยู่กึ่งกลางระหว่างยอดโบสถ์คริสต์ทั้งสองข้างดูตื่นตาตื่นใจ ทุกคนในเรือต่างคนก็ถ่ายภาพอาดจะไม่เคยเห็นภาพชัดๆ แบบนี้มาก่อน ขอบอกสวยงามมากๆ แล้วเรือข้ามมาฝั่งลาว สมกับเป็นบ้านพี่เมืองน้อง ชาวลาวริมโขงทักทายโบกมือให้กันและกันนักท่องเที่ยวชื่นชอบวิถีชีวิตชาวลาว เรือเข้าจอดเทียบท่าเทศบาล บริเวณนี้ในวันพุธมีถนนคนเดินจากท่าเรือเทศบาลเดินไปถึงรูปปั้นองค์พญานาคราชศรีสัตตนาคราช7เศียร  ซึ่ง เค้าบอกว่าใช้เวลาออกแบบและเทพนิมิตก่อนจัดสร้าง5ปี จึงแล้วเสร็จในปี2559 และจัดงานสมโภชองค์พญานาคราชศรีสัตตนาคราช ชาวบ้านชาวเมืองนครพนมและชาวลาวเดินทางมาร่วมงานกันมากทุกวันเต็มพื้นที่ริมน้ำโขงตั้งแต่วันที่ 9-18กันยายน2559 ปัจจุบันริมน้ำโขงเป็นแลนด์มาร์คหรือสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวเมืองนครพนม

กลับเข้าที่พักพร้อมตื่นนอนตีห้ารุ่งอรุณเบิกฟ้ายามเช้ามืด เดินทางไปวัดมหาธาตุริมน้ำโขง รอใส่บาตรข้าวเหนียวพระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาตยามเช้าทุกวัน วัดมหาธาตุเมืองนครพนมวัดเก่าแก่คู่กับชุมชนมาตั้งแต่เมืองศรีโครตบูร เสร็จแล้วรอถ่ายภาพช่วงแสงอาทิตย์ขึ้นฝั่งลาวบวกกับเทือกเขาของลาวริมโขง(มีคำพูดกล่าวไว้ว่าภูเขาของเค้า แต่วิวทิวทัศน์ของเราฮ่าๆ ชิวๆ จริงๆ)บรรยากาศริมน้ำโขงมีความสุขมาก เห็นชาวเมืองนครพนมปั่นจักรยานยามเช้าตามเส้นทางเลียบน้ำโขงยาวประมาณ16ก.ม ไปถึงสะพานนาคราชจอดจักรยานแล้วเดินลงไปนั่งดื่มกาแฟสดชมวิวทิวทัศน์สวยงามริมน้ำโขง

คณะสื่อมวลชนเดินทางต่อไป อ.พระธาตุพนม มีประตูโขงและองค์พระธาตุพนมได้นมัสการขอพร และเดินทางไปแก่งกะเบาในเขต อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร แก่งกะเบาแก่งในแม่น้ำโขงน้ำไหลแรงมากลงเล่นน้ำไม่ได้แต่นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวนั่งกินอาหารหมูย่างแก่งกะเบามีชื่อเสียงเรื่องความอร่อย ส่วนองค์พญานาคสีขาวดูโดดเด่นอ่อนช้อยสวยงาม นักท่องเที่ยวไปขอพรกันมาก แล้วเดินทางไปวัดสองคอนริมน้ำโขงเป็นวัดของชาวคริสต์ชุมชนบ้านสองคอนจุดเด่นคือตัวโบสถ์คริสต์ จัดสร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่5 เนื่องด้วยชาวบ้านจากเมืองนครพนมอพยพมาตั้งบ้านเรือนริมแม่น้ำโขงบริเวณนี้มีร่องน้ำสองร่องเมื่อเรือสินค้าแล่นผ่านร่องน้ำทั้งสองร่องน้ำนี้ภาษาท้องถิ่นเรียกว่าคอน(จึงเป็นชื่อเรียกขานว่าสองคอน) คณะสื่อมวลชนเดินทางกลับมา อ.เรณูนครแวะวัดธาตุเรณู มีองค์พระธาตุคู่เมืองเรณูนครมาตั้งแต่ชาวผู้ไทอพยพข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งบ้านเรือนเป็นเมืองเรณูนครแต่ปัจจุบันคือ อ.เรณูนคร จ.นครพนม วัดธาตุเรณูในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คือหลวงพ่อองค์แสนเพราะตอนจัดสร้างขึ้นด้วยทองสำริดรวมน้ำหนักแล้ว10หมื่นคำว่า10หมื่นฟังดูแล้วไม่เพราะจึงเรียกหลวงพ่อองค์แสน  แล้วกลับเข้าที่พัก เมื่อพร้อมกันแล้วออกมากินอาหารร้านริมโขงบรรยากาศและอากาศเย็นสดชื่น ได้เวลาพอสมควรกลับไปเพื่อพักผ่อน

รุ่งเช้าตอน8 โมงเช้า เดินทางไปสะพานมิตรภาพไทยลาวข้ามแม่น้ำโขงถ่ายภาพวิวริมน้ำโขงเสร็จแล้วเดินทางไปชุมชนเก่าแก่บ้านลุงโฮจิมินท์เป็นบ้านดั้งเดิมบริเวณนี้เมื่ออดีตถือว่าเป็นฐานปฏิบัติการของลุงโฮจิมินท์เพื่อกอบกู้อิสระภาพของชาวเวียดนามกลับมาเป็นของชาวเวียดนามจนประสบผลสำเร็จชาวเวียดนามไม่เป็นเมืองของฝรั่งเศส(เรื่องราวของชุมชนบ้านลุงโฮจิมินท์มีอีกมากนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวมีหลานๆลุงโฮบรรยายให้ฟัง) บ้านลุงโฮจิมินท์ร่มรื่นมีบ้านไม้แบบโบราณและยังคงเป็นชุมชนชาวญวนอยู่ที่เดินทางมาเวียดนาม แล้วเดินทางไปชุมชนท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร ชุมชนท่าแร่เป็นชาวญวนอพยพมาเวียดนามตั้งเป็นชุมชนเก่าแก่อายุ100กว่าปี ถ่ายภาพบรรยากาศตึกเก่าแก่สามตึกดูคลาสสิคมากนักท่องเที่ยวชอบชมตึกโบราณเก่าแก่น่าเดินทางไปเที่ยวท่าแร่และร้านกาแฟสดเก๋ๆ นั่งดื่มกาแฟสดแบบชิวๆ สไตล์พี่หนุ่ม-สุทนต้องแวะ กาแฟสดรสชาติเข้มข้นมากถูกใจคอกาแฟสดนะครับ

เดินทางต่อไปแวะดูการย้อมผ้าด้วยใบต้นครามพร้อมเสื้อผ้าที่ย้อมด้วยใบต้นครามเป็นสินค้าขายดีมากของ จ.สกลนคร  นักท่องเที่ยวสนใจจะดูการย้อมสีใบครามและซื้อเสื้อผ้ากระเป๋าสวยๆ งามๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สนง.นครพนม แล้วแวะกินอาหารเวียดนามมีหลากหลายร้านในตัวเมืองสกลนคร ได้เวลา15.00น.ถึงสนามบินสกลนครพร้อมที่จะเดินทางกลับไปลงสนามบินดอนเมืองกรุงเทพฯถึงประมาณ17.30นน นักท่องเที่ยวสนใจจะเดินทางตามโปรแกรมนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม โทรศัพท์ 042-513490-1 ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา08.30-16.30น. และขอบคุณ ผอ.สุหฤทธิ์ ชาญวนังกูร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม ได้ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนชมรมนักข่าวท่องเที่ยว เดินทางไปเก็บข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว 3 จังหวัดนครพนม มุกดาหารและสกลนคร

*****************************************************