อุบลฯ ยึด “บวร” นำโดยที่ปรึกษาปลัด มท. และรองพ่อเมือง ร่วมเวที “เหลียวหลัง แลหน้า โคก หนอง นา สู่ปี 2565” โดยภาคีเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ SAVEUBON พร้อมก้าวสู่การเป็นต้นแบบการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่
วันที่ 17 ธันวาคม 2564 นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบหมายให้ นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในการจัดกิจกรรม “เหลียวหลัง แลหน้า โคก หนอง นา สู่ปี 2565” โดยภาคีเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ SAVEUBON โดยได้รับความเมตตาจากพระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย และความร่วมมือจาก นายอมร พรมสอน นายอำเภอตาลสุม นายวิลาศ บุญโต ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุบลราชธานี นายธงชัย ครุฑแสน ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน ผู้แทนพัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี นางอุรักษ์ ศรชัย พัฒนาการอำเภอตาลสุม นายสมพงษ์ คำศรี ประธานภาคีเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ กลุ่ม SAVEUBON ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอ ผู้นำชุมชน และสมาชิกภาคีเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ กลุ่ม SAVEUBON เข้าร่วมกิจกรรมฯ โดยพร้อมเพรียงกัน ณ แปลงโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ของ นายสมคิด วงศรี บ้านดอนขวาง หมู่ที่ 5 ตำบลนาคาย อำเภอตาลสุม จังหวัดอุบลราชธานี
กิจกรรมฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย การร่วมวงคุยเสวนาในหัวข้อ “เหลียวหลัง แลหน้า โคก หนอง นา สู่ปี 2565” ซึ่งผู้เข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย พระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายอมร พรมสอน นายอำเภอตาลสุม นายวิลาศ บุญโต ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุบลราชธานี นายธงชัย ครุฑแสน ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน ผู้แทนพัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี นายสมพงษ์ คำศรี ประธานภาคีเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ กลุ่ม SAVEUBON และตัวแทนเครือข่ายฯ จาก 4 เขต ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี ดร.ภคิน ศรีวงศ์ นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ และคณะเจ้าหน้าที่จากกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ดำเนินรายงาน และ Live สด กิจกรรมฯ ทางเพจ Facebook สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี
สำหรับ ภาคีเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ กลุ่ม SAVEUBON ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2562 โดยมีกุศโลบายในการร่วมกันขับเคลื่อนงานภาคประชาชน ตลอดจนภารกิจในการแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและหลักกสิกรรมธรรมชาติ “โคก หนอง นา โมเดล” ภายใต้สโลแกน “หยุดท่วม หยุดแล้ง อย่างยั่งยืน” ซึ่งถือเป็นเครือข่ายสำคัญในการขับเคลื่อนงาน “โคก หนอง นา โมเดล” ของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง รวมถึงเป็นวิทยากรหลัก หรือ “ครูพาทำ” ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ร่วมขับเคลื่อนโครงการฯ มาตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ในปี พ.ศ.2563 ภาคีเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ กลุ่ม SAVEUBON ยังได้รับงบประมาณจากจังหวัดอุบลราชธานี ในการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” งบพัฒนาจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จำนวน 25 แปลง และได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย “บวร” หรือบ้าน วัด โรงเรียน ราชการ ในการขับเคลื่อนโครงการฯ จนได้รับการยอมรับและเป็นต้นแบบในการดำเนินงานทั่วประเทศ กิจกรรมฯ ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการพบปะพูดคุยถึงความสำเร็จ แสดงผลผลิตที่ได้จาก “โคก หนอง นา” ทั้ง 25 แปลง ตลอดจนปัญหา อุปสรรค แนวทางแก้ไข รวมถึงวางแผนการดำเนินงานของภาคีเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ กลุ่ม SAVEUBON ในปี 2565 ต่อไปด้วย
โอกาสนี้ ผู้เข้าร่วมเสวนา ได้เปิดเผยถึงความเป็นมาของภาคีเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ กลุ่ม SAVEUBON ปัญหาอุปสรรคของแต่ละแปลงหรือพื้นที่ ซึ่งหลายแห่ง โดยเฉพาะแปลงของ นายสมคิด วงศรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมในวันนี้ พบว่าเป็นพื้นที่ที่สูง หินดาน ขุดได้ไม่มาก รวมถึงปัญหาของเอกสารสิทธิ์ในการขุด สภาพดินในการกักเก็บน้ำยังไม่อยู่ รวมถึงทักษะการขุดของคนขับ จึงต้องสร้างความเข้าใจใหม่ โดยมีที่พึ่งคือ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เมตตาให้คำแนะนำในการขุดปรับพื้นที่จนสามารถดำเนินการจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขณะที่ ตัวแทนจากแต่ละโซน ในจังหวัดฯ ได้แลกเปลี่ยน ถึงการขับเคลื่อนโครงการฯ ในปัจจุบันได้เริ่มขยายผลจากเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้า ไปสู่ขั้นก้าวหน้า โดยการแปรรูป การแบ่งปัน การสร้างเครือข่าย รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำ การสร้างแหล่งโปรตีน เชื่อมโยงผลผลิต ไปสู่การสร้างมาตราฐานอาหารปลอดภัย
ในส่วนของความคาดหวังในอนาคต หรือการ “แลหน้า” นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้เปิดเผยถึงแนวนโยบายที่ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือรับผิดชอบ ได้จัดแบ่งเกรดการดำเนินงานแปลง “โคก หนอง นา” เป็น 3 ระดับ เพื่อให้มีการส่งเสริม สนับสนุน อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือให้ตรงจุดและทั่วถึง ตามระดับการพัฒนา และทราบถึงการจุดเด่น จุดด้อยในแต่ละแปลงเมื่อมีผู้สนใจเข้าศึกษาดูงานด้วย นอกจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ยังได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ ได้เปิดกลุ่ม Line Open Chat เพื่อหาตลาดนำผลผลิตจากเครือข่าย “โคก หนอง นา” หรือเกษตรอินทรีย์ ปลอดสารพิษ (U Green) โดยให้ส่วนราชการ รวมถึงนายอำเภอ ได้ทำการเปิดตลาด โคก หนอง นา ในพื้นที่ของตน เริ่มจากบริเวณศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี และที่ว่าการอำเภอ รวมถึงจัดระบบ การส่งสินค้าเพื่อจำหน่านขายในเขตตัวเมือง
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นนวัตกรรมของจังหวัดอุบลราชธานี โดยการนำของ พระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ขยายผลการนำองค์ความรู้ “ปุ๋ยไม่กลับกอง” จากผักตบชวาและวัชพืชอื่นๆ เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ในการขับเคลื่อนงานตามแนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ: Sufficiency Economy Development Zones) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล และภารรกิจสําคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมอบหมายให้จังหวัดอุบลราชธานี เลือกพื้นที่เป้าหมาย/พื้นที่ปฏิบัติการที่เหมาะสมกับสภาพปัญหา สภาพภูมิสังคม และมีความพร้อมของพื้นที่ในการดําเนินงานได้ทันที เมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณโดยได้รับความยินยอมหรืออนุญาต ให้ใช้พื้นที่ตามระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆ ที่ถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เข้าร่วมโครงการเพื่อกําหนดรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาและสภาพภูมิสังคม
ซึ่ง พระพิพัฒน์วชิโรภาส ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดเผยถึงข้อมูลเกี่ยวกับโครงการฯ ว่า “ในขณะนี้ มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ในจังหวัดอุบลราชธานี แล้วร่วม 3 พัน ราย รวมพื้นที่กว่า 2 หมื่น ไร่ โดยได้ส่งข้อมูลที่สำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่เขตเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งประกอบด้วย การปลูกป่า แหล่งน้ำ และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ โดยมีการวางแผนการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนนำเสนอเข้าแผนของจังหวัดเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป นอกจากนั้นยังได้กำหนดให้มีการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนผลผลิตจาก “โคก หนอง นา” ให้แก่ผู้ยากไร้ หรือครัวเรือนยากจน ปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งปันผู้อื่นร่วมกับภาคีเครือข่ายตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงในขั้นก้าวหน้าต่อไป” ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอำนวยอวยพร ปิดท้ายให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ