สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยา และ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดงานประชุมวิชาการ “Thailand Weather and Climate Symposium ครั้งที่ 1 ปี 2564” ในวันที่ 16 – 17 ธันวาคม 2564 หนุนความเข้มแข็งงานวิจัย ด้านความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบต่อสภาพอากาศ และเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว ที่นำไปสู่การคาดการณ์สภาพอากาศ พร้อมตั้งรับการเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในมิติต่างๆที่เกิดขึ้นจริง
16 ธันวาคม 2564 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยา และ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดงานประชุมวิชาการ “Thailand Weather and Climate Symposium ครั้งที่ 1 ปี 2564” ในวันที่ 16-17 ธันวาคม 2564 เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอผลงานวิจัย ด้านความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบต่อสภาพอากาศ และเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว ตลอดจนการแสดงนำเสนอความก้าวหน้าด้านกระบวนการเชิงนวัตกรรมที่ช่วยวิเคราะห์เหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้วได้มีดียิ่งขึ้น โดยมี นายมาร์ค กูดดิ้ง (Mark Gooding OBE) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ดร.ณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) พร้อมด้วย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานครั้งนี้
รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า ประเทศไทยประสบกับภัยพิบัติทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง และอื่นๆ ที่เป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาเป็นระยะเวลานาน ปัจจุบันนักวิจัยจากหลายภาคส่วนทั้งในมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างเล็งเห็นถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหา เพื่อเตรียมพร้อมตั้งรับวิกฤต จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ทั้งด้านการวัด การคาดการณ์สภาพภูมิอากาศ ตลอดจนเรื่องอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาดังกล่าวที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) สกสว. ในฐานะหน่วยงานของประเทศไทย ที่มีหน้าที่ในการจัดทำแผน จัดสรรงบประมาณตลอดจนพัฒนาและสนับสนุนระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ระบบ ววน.) ตระหนักดีถึงปัญหาเรื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและระดับโลก โดยจะนำข้อมูลและองค์ความรู้อันเป็นประโยชน์ในวันนี้ไปขับเคลื่อนการทำงานต่อไป โดยเฉพาะในมิติของการทำแผนด้าน ววน. การออกแบบโปรแกรมวิจัยที่สนับสนุนการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยต่อไป
ด้าน ดร.วัฒนา กันบัว ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิของอากาศ ส่งผลให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกิดการหยุดชะงัก สร้างสูญเสียทรัพย์สิน และการเสียชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของอันตรายทางธรรมชาติที่ทำลายล้างมากที่สุดที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจให้หลายๆประเทศ โดยเมื่อหลายปีก่อน ปริมาณน้ำฝนจากพายุและภัยพิบัติ สร้างมูลค่าความเสียหายรวมเป็นพันล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันแนวทางการตั้งรับปัญหานี้ อาศัยการคาดการณ์ด้วยความสามารถในการสังเกตที่มากขึ้น ทั้งผ่านการคำนวณและฟิสิกส์แบบจำลองที่ดีขึ้น แต่ก็ยังมีช่องว่างที่สำคัญสำหรับการปรับปรุง ปัจจุบัน “AI” หรือ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ข้อมูล โดยเฉพาะการใช้ Machine Learning หรือ ระบบคอมพิวเตอร์สามารถประมวลผล คาดการณ์ ตัดสินปัญหาต่างๆ ด้วยตนเองผ่านการเรียนรู้ชุดข้อมูลที่ป้อนเข้าไป ได้เข้ามาเชื่อมโยงช่องว่างระหว่างแบบจำลองพยากรณ์อากาศแบบตัวเลขและคำแนะนำแบบ Realtime โดยการปรับปรุงความแม่นยำ นอกจากนี้ AI ยังประมวลผลจนได้ข้อมูลที่ สนับสนุนการตัดสินใจเพิ่มเติมสำหรับผู้พยากรณ์และผู้ใช้ ดังนั้นการใช้เทคนิค AI ควบคู่ไปกับความเข้าใจทางกายภาพของสิ่งแวดล้อม นั้นสามารถช่วยพัฒนาทักษะการทำนายอย่างมากสำหรับน้ำฝนที่มีผลกระทบสูงหลายประเภทจากพายุหมุนเขตร้อน (TC) นอกจากนี้ AI ยังมีส่วนช่วยสนับสนุน โมเดล Support Vector Machine (SVM) หรือ อัลกอริทึมที่ช่วยแก้ปัญหาการจำแนกข้อมูล ส่งผลให้การทำนายปริมาณน้ำฝนค่อนข้างได้ ผลลัพธ์ดี ด้วยเหตุนี้ปัจจุบันประเทศไทย จึงใช้แนวทางที่มีอยู่ร่วมกับเทคนิค AI เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล การวิเคราะห์ การประมวลผลที่ส่งผลให้การพยากรณ์ การคาดการณ์ทั้งปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิ ที่มีศักยภาพมากขึ้น
นอกจากนี้การประชุมวิชาการดังกล่าว ยังได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจาก Met Office หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาของสหราชอาณาจักร และนักวิจัยทั้งจากมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และหน่วยงานต่างๆทั้งในและต่างประเทศอีก มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และงานวิจัยเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ผลต่อสภาพอากาศ และเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว อีกด้วย