นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการขนส่งเอสแคป ครั้งที่ 4 (Fourth Ministerial Conference on Transport) ร่วมกับ นาง Armida Salsiah Alisjahbana เลขาธิการบริหารเอสแคป โดยมี ผอ. สนข. ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ร่วมด้วยผู้แทนจาก จท. ขบ. ทล. ทช. สนข. ขร. รฟท. และ กตท.สปค เข้าร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ
การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการขนส่งเอสแคป ครั้งที่ 4 (Fourth Ministerial Conference on Transport) จัดขึ้นเพื่อหารือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศสมาชิกเอสแคปในการพัฒนาโครงการด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของความร่วมมือระดับภูมิภาค ประเมินความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลลัพธ์แผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคด้านการเชื่อมโยงด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ระยะที่ 1 (ค.ศ. 2017 – 2021) พิจารณาและรับรองร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีด้านการพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก รวมถึงร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคสำหรับการพัฒนาด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (ค.ศ. 2022 – 2026) สำหรับการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง (Senior Official Segment) ระหว่างวันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2564 เป็นการหารือในประเด็นหลักด้านการขนส่ง ได้แก่ โครงข่ายการขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น (Towards an efficient and resilient transport and logistics network and mobility) ระบบการขนส่งและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Towards environmentally sustainable transport systems and services) และการขนส่งและการสัญจรที่ปลอดภัยและครอบคลุม (Towards safe and inclusive transport and mobility)
โดย นายชยธรรม์ พรหมศร ได้กล่าวเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคสำหรับการพัฒนาด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ค.ศ. ๒๐๒๒ – ๒๐๒๖ กับการดำเนินนโยบายที่สำคัญของไทยภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งของประเทศไทยระยะยาว ซึ่งประกอบด้วย 3 แนวคิดหลัก ได้แก่ การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการขนส่งที่ปลอดภัยและครอบคลุม เพื่อมุ่งสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืน พร้อมทั้งนำเสนอนโยบายที่สำคัญของไทย เช่น การสร้างความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคผ่านโครงการ MR-MAP การสร้างสะพานเชื่อมระหว่างอ่าวไทยและมหาสมุทรอันดามัน การตั้งเป้าหมายการมีส่วนร่วมของประเทศภาคการขนส่ง เพื่อตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก แผนการพัฒนาระบบการขนส่งมวลชนสาธารณะในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2573 ในการสร้างโครงข่ายกว่า 550 กิโลเมตร ตลอดจนการมุ่งสู่การพัฒนาด้านความปลอดภัยทางถนนผ่านโครงการที่หลากหลาย เช่น การพัฒนาโครงการติดตั้งแผ่นยางพาราครอบแบริเออร์ และ Rubber Guide Post เพื่อแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติทางถนน เป็นต้น
นอกจากนี้ นาง Armida ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการดำเนินมาตรการเปิดประเทศและต้อนรับชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ

