
ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ ภายหลังนักลงทุนคลายความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron โดยนาย Anthony Fauci ที่ปรึกษาด้านโรคระบาดของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Omicron สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์ Delta แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ซึ่งปัจจุบัน จำนวนประชากรในสหรัฐฯ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 และเข็มที่ 3 อยู่ที่ 61% และ 23% ตามลำดับ อีกทั้งพบรายงานการติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron ในสหรัฐฯ เพียง 140 ราย
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศขายน้ำมันจากคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserves: SPR) ในวันที่ 17 ธ.ค. 64 ปริมาณ 18 ล้านบาร์เรล ภายใต้แผนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden ในการขาย SPR ปริมาณรวม 50 ล้านบาร์เรล เพื่อบรรเทาภาวะเงินเฟ้อ โดยปริมาณ SPR ในสหรัฐฯ ณ วันที่ 3 ธ.ค. 64 อยู่ที่ 600.9 ล้านบาร์เรล
จับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14-15 ธ.ค. 64 หลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 64 ปรับตัวขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ที่ +6.8% จากปีก่อนหน้า สูงที่สุดในรอบ 39 ปี โดยประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นาย Jerome Powell เคยแถลงต่อวุฒิสภาว่าจะเร่งยุติการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ Quantitative Easing (QE) ให้เร็วขึ้นกว่าแผนเดิม 2-3 เดือนล่วงหน้า จากช่วงกลางปี 2565 เนื่องด้วยอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นสูง อนึ่ง ตั้งแต่วิกฤติ COVID-19 ปีก่อน Fed อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ จำนวน 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน เริ่มต้น มิ.ย. 63 และตามแผนเดิมจากการประชุมในเดือน พ.ย. 64 จะปรับวงเงินลดลง 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน เริ่มต้นเดือน พ.ย. 64 ซึ่งขณะนี้ในเดือน ธ.ค. 64 วงเงินอัดฉีดอยู่ที่ 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน และจะทยอยลดวงเงินไปจนกระทั่งสิ้นสุดโครงการในเดือน มิ.ย. 65
ด้านเทคนิค สัปดาห์นี้ราคา ICE Brent มีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 73 – 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมีโอกาสที่ ICE Brent จะขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ คือ 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
รายงานฉบับเดือน ธ.ค. 64 ของ EIA คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2564 เพิ่มขึ้น 5.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 96.91 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อน 0.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และปี 2565 เพิ่มขึ้น 3.55 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 100.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับลดลงจากครั้งก่อน 0.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
Baker Hughes Inc. รายงานจำนวน Rig ขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. 64 เพิ่มขึ้น 4 แท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 471 แท่น สูงสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 63

