ที่ปรึกษาปลัด มท. เมตตานำพลัง “บวร” อุบลราชธานี ตรวจรับครุภัณฑ์ แปลง CLM “โคก หนอง นา พช.” เพื่อเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ปัญหาความยากจนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน

วันที่ 8 ธันวาคม 2564 พระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ให้การสนับสนุนและความร่วมมือในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นตลอดมาตามหลัก “บวร” หรือบ้าน วัด โรงเรียน ราชการ ได้เมตตาให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี นำโดย นางสาววิจิตร หลงชิน ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี พัฒนาการอำเภอ นักวิชาการพัฒนาชุมชนและเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง คณาจารย์และผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษา ตลอดจนเจ้าของแปลงตัวอย่างและผู้รับจ้างคู่สัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ ร่วมสนับสนุนและตรวจรับครุภัณฑ์ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ให้แก่แปลงศูนย์เรียนรู้ระดับตำบล (Community Lab Model for quality of Life : CLM) ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ณ ศูนย์ศึกษาพัฒนาชุมชนอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี และศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี

กรมการพัฒนาชุมชน ได้ประสานความร่วมมือ กับมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง และภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ จำนวน 7 ภาคี ดำเนินการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงลงสู่การปฏิบัติ อย่างเป็นขั้นตอนตามกลไกการขับเคลื่อนและสืบสานศาสตร์พระราชา เพื่อการปฏิรูปประเทศด้วยการจัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนองนา โมเดล” วงเงินงบประมาณ 4,787,916,400 บาท (สี่พันเจ็ดร้อยแปดสิบเจ็ดล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นหกพันสี่ร้อยบาทถ้วน)

ในส่วนของจังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเงินกู้จากรัฐบาล ผ่านทางกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์สาธิต สำหรับประจำฐานเพื่อการเรียนรู้ สำหรับการพัฒนายกระดับการแปรรูปผลผลิตด้วยนวัตกรรม โดยจัดซื้อครุภัณฑ์ ให้แก่แปลงโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ให้แก่แปลงศูนย์เรียนรู้ระดับตำบล (Community Lab Model for quality of Life : CLM) ในจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งสิ้น 71 แปลง วงเงินในการจัดหาในวงเงิน จำนวน 33,145,900 บาท มีรายละเอียด ดังนี้

1)เครื่องสกัดน้ำมันจากพืช Bio diesel จำนวน 42 เครื่อง เครื่องละ 179,000 บาท จำนวนเงิน 7,518,000 บาท

2)เครื่องผสมอาหารสัตว์ DC Motor 3HP จำนวน 65 เครื่อง เครื่องละ 90,900 บาท จำนวนเงิน 5,908,500 บาท

3)เครื่องสับย่อยอาหารสัตว์ และกิ่งไม้ จำนวน 70 เครื่อง เครื่องละ 40,000 บาท จำนวนเงิน 2,800,000 บาท

4)เครื่องคั่วอเนกประสงค์ (ใช้คั่วชา / กาแฟ / ถั่ว / ธัญพืช / โกโก้ / เกาลัด) 5 กิโลกรัม จำนวน 1 เครื่อง เครื่องละ 550,000 บาท จำนวนเงิน 550,000 บาท

5)เครื่องกลั่นแอลกอฮอล์จากน้ำอ้อย 40 ลิตร จำนวน 1 เครื่อง เครื่องละ 120,000 บาท จำนวนเงิน 120,000 บาท

6)เครื่องหีบน้ำอ้อยไฟฟ้า พร้อมแบตเตอรี่ จำนวน 1 เครื่อง เครื่องละ 88,000 บาท จำนวนเงิน 88,000 บาท

7)เครื่องบรรจุกระป๋อง จำนวน 27 เครื่อง เครื่องละ 87,800 บาท จำนวนเงิน 2,370,600 บาท

8)เครื่องขึ้นรูปภาชนะจากวัสดุธรรมชาติ จำนวน 50 เครื่อง เครื่องละ 180,000 บาท จำนวนเงิน 9,000,000 บาท

9)เครื่องบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศใช้พลังงาน Solar cell จำนวน 45 เครื่อง เครื่องละ 65,200 บาท จำนวนเงิน 3,520,800 บาท

10)ระบบ Solar off Grid Inverter ขนาด 10 KW จำนวน 1 เครื่อง เครื่องละ 1,270,000 บาท จำนวน 1,270,000 บาท

ในการนี้ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี ได้ทำการตรวจรับพร้อมรับชมการสาธิตการใช้งานครุภัณฑ์ที่จะส่งมอบในเบื้องต้น จากผู้รับจ้าง จำนวน 4 รายการ ได้แก่

1)เครื่องผสมอาหารสัตว์ DC Motor 3HP จำนวน 1 เครื่อง

2)เครื่องคั่วอเนกประสงค์ (ใช้คั่วชา / กาแฟ / ถั่ว / ธัญพืช / โกโก้ / เกาลัด) 5 กิโลกรัม จำนวน 1 เครื่อง

3)เครื่องกลั่นแอลกอฮอล์จากน้ำอ้อย 40 ลิตร จำนวน 1 เครื่อง

4)เครื่องบรรจุกระป๋อง จำนวน 1 เครื่อง ณ ศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ โดยมีเจ้าของแปลงศูนย์เรียนรู้ระดับตำบล (Community Lab Model for quality of Life : CLM) และแปลงครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับครัวเรือน (Househole Lab Model for quality oflife : HLM) ในพื้นที่ตำบลหัวดอน ร่วมประชุมวางแผนการผลิต ให้สอดคล้องกับครุภัณฑ์ที่ได้ในแปลง CLM ตำบลหัวดอน เพื่อเพิ่มมูลค่า เพิ่มรายได้ เพิ่มความอยู่ดี กินดี มีสุข และขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาความยากจนทุกช่วงวัย ได้อย่างยั่งยืน และสามารถเป็นต้นแบบในการดำเนินงานโครงการฯ ต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป