ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๔

วันจันทร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๓.๓๐ น. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานในการประชุม คคบ. ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๔ ผ่านระบบออนไลน์ จากการประชุม ได้มีมติให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ จำนวน ๒ เรื่อง  (ประเภทที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุดคอนโดมิเนียม)  ธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป จำนวน ๔ เรื่อง(เช่าซื้อรถยนต์ ซื้อคอร์สเสริมความงาม ซื้อตู้เย็นบนแพลตฟอร์ม ซื้ออัลบั้มลุ้นเป็นผู้โชคดีเข้าชมศิลปิน) ดังนี้

ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์  จำนวน ๒ เรื่อง

กรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในโครงการแห่งหนึ่ง ราคา ๓,๑๐๐,๐๐๐ บาท และได้รับโอนกรรมสิทธิ์แล้ว จึงได้ดำเนินการต่อเติมและปรับปรุงบ้าน เป็นเงินจำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมาเทศบาลเมืองหัวหินได้ติดประกาศว่าอาคารดังกล่าวได้ทำการก่อสร้างโดยผิดแบบ จำนวนทั้งหมด ๘ หลัง และบ้านของผู้ร้องเป็นหนึ่งในนั้น ผู้บริโภคได้เจรจาหาข้อยุติกับโครงการฯแต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ผู้บริโภคจึงมีความประสงค์ให้โครงการฯ ซื้อทรัพย์ดังกล่าวคืนในราคาเดิม จำนวน ๓,๑๐๐,๐๐๐ บาท ดังนั้น เมื่อผู้บริโภคได้มีการทำสัญญา และผู้ประกอบธุรกิจไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้อง จึงเข้าข่ายเป็นการกระทำการละเมิดสิทธิ มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทเพื่อบังคับให้คืนเงิน จำนวน ๓,๑๐๐,๐๐๐บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

กรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด กับบริษัทแห่งหนึ่ง ในราคา ๒,๑๒๐,๐๐๐ บาท โดยชำระเงินจอง จำนวน ๕,๐๐๐ บาท เงินทำสัญญา ๕๐,๐๐๐ บาท และเงินดาวน์รวมเป็นเงิน ๑๕๙,๘๐๐ บาท (จำนวน ๓๔ งวด ๆ ละ ๔,๗๐๐ บาท) รวมเป็นเงินที่ผู้บริโภคชำระไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน ๒๑๔,๘๐๐ บาท ต่อมาผู้บริโภคไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน จึงขอให้บริษัทฯ คืนเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมด และเงินที่ชำระเกินไปในงวดที่ ๓๔ เป็นจำนวน ๔,๗๐๐ บาท แต่บริษัทฯ ปฏิเสธ และประกอบกับสัญญาฯ ดังกล่าวมีลักษณะเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม จากกรณีดังกล่าว ผู้บริโภคไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจึงตกเป็นฝ่ายผิดสัญญา บริษัทฯ มีสิทธิริบเงินจองและเงินทำสัญญา ในส่วนเงินดาวน์จำนวน ๑๖๔,๕๐๐ บาท ไม่ใช่เบี้ยปรับ บริษัทฯ จึงไม่มีสิทธิริบ ต้องคืนให้แก่ผู้บริโภค มติที่ประชุม ดำเนิน คดีแพ่งแก่บริษัทเพื่อบังคับให้คืนเงิน จำนวน ๑๖๔,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการ จำนวน ๔ เรื่อง

กรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ กับบริษัทแห่งหนึ่ง และได้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว แต่บริษัทฯ ยังไม่ได้ดำเนินการโอนทะเบียนรถยนต์ที่เช่าซื้อให้แต่อย่างใด จึงมีความประสงค์ให้บริษัทฯ ดำเนินการโอนทะเบียนรถยนต์ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อมรับผิดชอบเบี้ยปรับกรณีผิดสัญญา แต่ปรากฏว่าในการโอนทะเบียนรถยนต์ บริษัทฯ ได้ให้ผู้เช่าซื้อต้องวางเงินประกันการโอน จำนวน ๕,๐๐๐ บาท และชำระเงินค่าโอนทะเบียน จำนวน ๑,๕๐๐ บาทซึ่งผู้บริโภคได้สอบถามไปยังกรมการขนส่งทางบกพบว่า ค่าโอนทะเบียนรถยนต์ กรมการขนส่งทางบกเรียกเก็บเพียง ๑๐๕ บาท ดังนั้น การที่บริษัทฯได้เรียกเก็บค่าโอน ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าและบริษัทฯ ไม่ได้ระบุรายละเอียดค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถไว้ในสัญญา มีเพียงประกาศที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ และแจ้งว่าผู้เช่าซื้อสามารถเข้าดูอัตราค่าธรรมเนียมการโอนในเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ กรณีนี้ไม่ถือว่าอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่าซื้อ แต่เป็นการกำหนดขึ้นโดยบริษัทฯ เพียงฝ่ายเดียว ผู้บริโภคจึงไม่ได้ชำระค่าโอนทะเบียนให้กับบริษัทฯ ประกอบกับบริษัทฯ ได้รับเอกสารที่จำเป็นสำหรับจดทะเบียนครบถ้วนแล้วแต่ไม่ได้โอนทะเบียนให้ ดังนั้น กรณีการโอนทะเบียนล่าช้าจึงไม่ได้เกิดจากเหตุขัดข้องของผู้บริโภคฝ่ายเดียว แต่เป็นบริษัทฯ ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา และการที่บริษัทฯ ไม่แจ้งรายการค่าใช้จ่ายในขณะทำสัญญา และกำหนดค่าใช้จ่ายไว้สูงเกินสมควรจึงเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้เปลี่ยนแปลงชื่อทางทะเบียนรถยนต์ พร้อมส่งมอบสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ รวมถึงชดใช้ค่าปรับตามสัญญาให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๗๑,๘๒๑.๙๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

กรณีผู้บริโภคซื้อคอร์สเสริมความงามกับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งได้มีการเชิญชวนให้ทดลองนวดตัวด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าและมือทั่วบริเวณร่างกายเพื่อลดสัดส่วนฟรี ภายหลังจากทดลองนวดตัวแล้วมีอาการปวดเมื่อยและปวดระบมบริเวณแผ่นหลัง จึงได้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย โดยในความเห็นแพทย์ระบุว่าป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหลังอักเสบ ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการเสริมความงามเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. ๒๕๖๓ ระบุว่า “ข้อความที่ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับเงินค่าบริการคืน ในกรณีที่ผู้บริโภคยังไม่ได้ใช้บริการภายในระยะเวลาเจ็ดวันนับจากวันที่ได้ชำระเงินให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินเต็มจำนวน” เมื่อผู้บริโภคยังไม่ได้เข้ารับบริการ จึงติดต่อไปยังบริษัทฯ เพื่อยกเลิกและขอรับเงินคืน แต่บริษัทฯ ปฏิเสธการคืนเงิน จึงประสงค์ขอยกเลิกสัญญาและขอเงินคืนจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ดังนั้น เมื่อผู้บริโภคยังไม่ได้ใช้บริการภายในระยะเวลาเจ็ดวันนับจากวันที่ได้ชำระเงินให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินเต็มจำนวน อีกทั้ง บริษัทฯ มีการดำเนินการลักษณะเป็นนิติบุคคล มีสถานที่ในการประกอบธุรกิจขายคอร์สเสริมความงามแก่บุคคลเป็นการทั่วไป มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้
คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

กรณีผู้บริโภคได้สั่งซื้อตู้เย็น ยี่ห้อ Hitachi รุ่น R-H230PD ขนาด ๘.๗ คิว ราคา ๓,๕๐๐ บาท โดยตรงกับร้านค้าแห่งหนึ่งบนแพลตฟอร์มกับบริษัท ลาซาด้า จำกัด และได้โอนเงินค่าสินค้า จำนวน ๓,๕๐๐ บาท เข้าบัญชีผู้ขายตู้เย็นโดยตรง แต่ปรากฏว่าผู้รับเงินไม่จัดส่งสินค้าให้ จึงถือว่าเป็นฝ่ายผิดสัญญาและเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค เพราะเมื่อมีการซื้อขายสินค้าและการชำระเงินดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างผู้บริโภคกับร้านค้าอันเป็นการซื้อขายสินค้ากันโดยตรง ซึ่งนอกเหนือแพลตฟอร์มที่บริษัท ลาซาด้าฯ กำหนดไว้ บริษัท ลาซาด้าฯ ไม่มีเจตนาหรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิด จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับร้านค้ามติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งกับร้านค้าและเจ้าของบัญชีเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภคเป็นเงิน จำนวน ๓,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

กรณีผู้บริโภคและพวกได้สั่งซื้ออัลบั้ม GOT7-DYE/MINI ALBUM ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทแห่งหนึ่ง รวมเป็นเงิน จำนวน ๒,๔๔๐,๙๒๘ บาท  เพื่อลุ้นรับสิทธิเป็นผู้โชคดีเข้าชมศิลปินเกาหลีวงดังกล่าว โดยบริษัทฯ ได้โฆษณาว่าจะจัดกิจกรรมในรูปแบบออฟไลน์ ภายในปี ๒๕๖๓ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ และได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็นออนไลน์ (ชมผ่านการถ่ายทอดสด) ผู้ซื้อสินค้าบางส่วนยอมรับเข้าร่วมกิจกรรมรับชมแบบออนไลน์ และบางส่วนไม่ยอมรับ กรณีนี้ผู้บริโภคประสงค์ขอเงินคืนในส่วนที่ชำระไปแล้วทั้งหมด เนื่องจากบริษัทฯไม่สามารถปฏิบัติตามวัตถุประสงค์สัญญาที่แสดงไว้ได้และไม่ใช่เหตุสุดวิสัย แม้อ้างว่าบริษัทฯ ต้นสังกัดของศิลปินประเทศเกาหลีไม่อนุญาตให้ศิลปินเดินทางออกนอกประเทศทำกิจกรรมตามที่กำหนดหรือตกลงกับบริษัทฯ และผู้บริโภคกับพวกแสดงเจตนาขอยกเลิกสัญญา จึงมีผลทำให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องกลับคืนสู่ฐานะที่เป็นอยู่เดิม บริษัทฯ จึงต้องคืนเงินทั้งหมดที่รับไว้ให้แก่ผู้บริโภคกับพวก มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภคและพวก เป็นเงิน จำนวน ๒,๔๔๐,๙๒๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

ทั้งนี้  ในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๔ ได้มีการดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค รวมจำนวน ๖ ราย โดยบังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินให้แก่ผู้บริโภค เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น  ๕,๘๘๐,๗๔๙.๙๕ บาท (ห้าล้านแปดแสนแปดหมื่นเจ็ดร้อยสี่สิบเก้าบาทเก้าสิบห้าสตางค์)  พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

 

***************************************