“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ ไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มเป็นวันที่ 2 พร้อมเร่งแผนจัดสรรวัคซีนเข็มกระตุ้น ให้เพียงพอต่อการสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่ผู้ต้องขัง”

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 81/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ ไม่พบเรือนจำระบาดใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จึงยังคงมีเรือนจำสีขาว 120 แห่ง และเรือนจำสีแดง 22 แห่ง โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นเรือนจำที่อยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 10 แห่ง (ระบาดใหม่ 6 แห่ง และระบาดซ้ำในแดนบางส่วน 4 แห่ง) ขณะที่มีเรือนจำที่อยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือ EXIT จำนวน 12 แห่ง ซึ่งจะพ้นจากการระบาดในสัปดาห์นี้จำนวน 3 แห่ง เริ่มจากเรือนจำกลางยะลา (3 ธันวาคม) เรือนจำอำเภอพล และเรือนจำกลางสุรินทร์ (4 ธันวาคม)

ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 57 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 4 ราย และในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 53 ราย) รักษาหายเพิ่ม 55 ราย โดยไม่มีรายงานการเสียชีวิตติดต่อกันเป็นเวลา 10 วันแล้ว ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 4,624 ราย (กลุ่มสีเขียว 86.4% สีเหลือง 13.5% และสีแดง 0.1%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 77,064 ราย หรือ 91.8% ของผู้ติดเชื้อสะสม 83,938 ราย

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุม ได้ติดตามการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค ใน 2 ประเด็นที่สำคัญ คือ

1.การแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอก ที่ต้องดำเนินการกักโรคเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 21 วัน โดยต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งความมั่นคงปลอดภัยในแง่ของการควบคุมผู้ต้องขังและการกักโรค

2. การดำเนินการฉีดวัคซีนในผู้ต้องขัง ทั้งในผู้ต้องขังปัจจุบันที่เคยติดเชื้อและไม่เคยติดเชื้อ ที่นอกจากจะต้องได้รับวัคซีนจนครบโดสแล้ว ยังเตรียมพร้อมแผนเพื่อจัดสรรวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เพียงพอต่อการสร้างภูมิคุ้มกันโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงการฉีดวัคซีนในผู้ต้องขังเข้าใหม่ที่จะต้องได้รับวัคซีนจนครบถ้วนและเพียงพอเช่นเดียวกันกับประชาชนภายนอก

ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังไปแล้วทั้งสิ้น 461,976 โดส โดยแบ่งเป็นการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังเข็มที่ 1 จำนวน 267,382 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 183,458 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 11,136 ราย

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 มีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว จำนวน 25 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 9 ราย และเยาวชน 16 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 49 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 7 แห่ง แยกเป็นติดเชื้อ 4 แห่ง และหมดสถานะสีขาว 3 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2,832 ราย หรือคิดเป็น 71% จากทั้งหมด 3,986 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นจำนวน 3,897 ราย หรือคิดเป็น 93% จากทั้งหมด 4,210 ราย

///////////////////////