ไอเดียเจ๋ง! อุบลฯ ยึดหลัก “บวร” นำองค์ความรู้จากสองเจ้าคุณชื่อดัง เตรียมตั้งศูนย์การเรียนรู้การผลิตปุ๋ยหมักจากผักตบชวาไม่กลับกอง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ)

ไอเดียเจ๋ง! อุบลฯ ยึดหลัก “บวร” นำองค์ความรู้จากสองเจ้าคุณชื่อดัง เตรียมตั้งศูนย์การเรียนรู้การผลิตปุ๋ยหมักจากผักตบชวาไม่กลับกอง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ในพื้นที่ศาลากลางจังหวัด

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 พระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม และพระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย สองพระนักพัฒนาที่เสียสละและร่วมขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนท้องถิ่นตลอดมาตามหลัก “บวร” หรือ บ้าน วัด โรงเรียน ราชการ ได้เมตตาให้ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายคมกริช ชินชนะ พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง บูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่บริเวณลานข้างศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ฝั่งทิศตะวันตก เพื่อใช้เป็นพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้การผลิตปุ๋ยหมักจากผักตบชวาไม่กลับกอง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) แห่งที่ 2 ของจังหวัดอุบลราชธานี

สำหรับศูนย์การเรียนรู้การผลิตปุ๋ยหมักจากผักตบชวาไม่กลับกอง นั้น ได้รับคำแนะนำและคำปรึกษา ตลอดจนองค์ความรู้ในการดำเนินงานจากพระปัญญาวชิรโมลี ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นศูนย์การเรียนรู้การผลิตปุ๋ยหมักจากผักตบชวาไม่กลับกอง แห่งที่ 1 ของจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนขยายผลและนำแนวทางดังกล่าวไปใช้ยังแปลงโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” รวมไปถึง ศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ภายใต้การอำนวยการของ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นศูนย์การฝึกอบรมตามโครงการฯ ที่นำองค์ความรู้ดังกล่าวไปถ่ายทอดสู่พี่น้องประชาชนด้วย

โดยพระปัญญาวชิรโมลี ได้เมตตาคิดค้นการเปลี่ยนขยะวัชพืชให้เป็นปุ๋ยหมัก เพื่อลดต้นทุนจากผักตบชวา ซึ่งเป็นวัชพืชที่พบได้ตามแหล่งน้ำคูคลองหรือร่องน้ำตามแปลงเกษตร โดยผักตบชวามีการแผ่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากไม่ควบคุมกำจัดแล้วก็จะปกคลุมแหล่งน้ำขัดขวางการสัญจรทางน้ำและกลายเป็นขยะทำให้น้ำเน่าเสียได้ นอกจากนั้น ผักตบชวายังสามารถนำไปทำปุ๋ยผักตบชวา เพื่อยังช่วยลดต้นทุนเรื่องปุ๋ย ช่วยเสริมธาตุอาหารหลักให้กับพืชทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน ทำให้ดินร่วนซุย รากพืชเจริญเติบโตได้ดี เกษตรกรสามารถผลิตปุ๋ยหมักผักตบชวาขายสร้างรายได้

ซึ่งการสร้างศูนย์การเรียนรู้การผลิตปุ๋ยหมักจากผักตบชวาไม่กลับกองในพื้นที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ในครั้งนี้ คาดหวังว่าจะเป็นต้นแบบเพื่อขยายผลเเละถ่ายทอดองค์ความรู้การทำปุ๋ยหมักผักตบชวาสู่พื้นที่อำเภอ ตำบล ที่มีผักตบชวา และขยายผลสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) ของจังหวัดอุบลราชธานี ต่อไป

ทั้งนี้ จังหวัดอุบลราชธานี ได้กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมอาสาพัฒนาเฉพาะกิจ ตั้งศูนย์การเรียนรู้การผลิตปุ๋ยหมักจากผักตบชวาไม่กลับกอง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานข้างศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ฝั่งทิศตะวันตก