พระมาโปรด! พระพิพัฒน์วชิโรภาส ที่ปรึกษาปลัด มท. สานพลัง “บวร” ขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ จ.อุบลราชธานี

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ด้วยความเมตตาพระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ และที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.บุญฟ้า ลิ้มวัธนา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวังอ้อ (ยอดสังข์วิทยาคาร) เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ (นพต.) ตลอดจนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน และคณะวิทยากรจากศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ร่วมจัดเวทีประชุมเพื่อสำรวจพื้นที่และรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในพื้นที่ตำบลไร่ใต้ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายในแผนการขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) ของจังหวัดอุบลราชธานี

สำหรับการจัดเวทีประชุมหารือฯ ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนที่สนใจในเขตพื้นที่ตำบลไร่ใต้ อำเภอพิบูลมังสาหาร หลายร้อยครัวเรือน โอกาสนี้ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เมตตากล่าวถึงแนวทางในการเข้าร่วมโครงการฯ ว่า เป็นการขยายผลโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งรัฐบาลได้มีแนวทางการขับเคลื่อนแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การนำของ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีบทบาทสำคัญในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่ประชาชนตามแนวทางของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นหน่วยงานหลักขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ จึงได้เสนอการขับเคลื่อนแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ โดยภาครัฐจะได้สนับสนุนการจ้างงาน โครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์พื้นฐาน อำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ที่จำเป็น ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่างๆในพื้นที่ ภาควิชาการในพื้นที่ร่วมพัฒนาและยกระดับทรัพยากรมนุษย์ ต่อยอดด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมที่เหมาะสม โดยมีภาคเอกชนร่วมสนับสนุนการบริหารงานโครงการ วางแผน พัฒนาและต่อยอดผลผลิตต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากความสมบูรณ์ของการพัฒนาพื้นที่

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีศักยภาพในกรพัฒนา พื้นที่ประสบปัญหาภัยพิบัติซ้ำซาก และใช้โอกาสจากภาคแรงงานที่มีทักษะและศักยภาพที่ประสบกับปัญหาการเลิกจ้างจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่กลับไปยังบ้านเกิดเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย ด้วยการให้ความรู้ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงหรือทฤษฎีใหม่ ควบคู่กับการศึกษาถึงรากเหงาภูมิปัญญาดั้งเดิม และเพิ่มพูนด้วยชุดความรู้ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาของพื้นที่และภูมิสังคม เพื่อพัฒนาหรือยกระดับเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เพื่อขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเสริมสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ภายในปี 2030

กระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดขั้นตอนประกอบด้วย 1)กำหนดพื้นที่เป้าหมาย/พื้นที่ปฏิบัติการ 2) พัฒนาและปรับปรุงพื้นที่เป้าหมาย/พื้นที่ปฏิบัติการ 3) บ่มเพาะพัฒนาบุคลากร 7 ภาคี คือ ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคศาสนา ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคสื่อมวลชน และเร่งสร้างผู้ประกอบการใหม่ 4) สร้างงาน สร้างรายได้แก่ชุมชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก 5) ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงประจักษ์ผ่านการฝึกปฏิบัติร่วมในรูปแบบจิตอาสาพัฒนาและจิตอาสาภัยพิบัติ 6)ต่อยอดผลผลิตเพื่อพัฒนาธุรกิจร่วมกับภาคเอกชน ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) 7) จัดทำแพลตฟอร์มขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ 8) สร้างนวัตกรรมจากฐานการวิจัยเพื่อพัฒนาตลาดและธุรกิจในพื้นที่ และ 9) สร้างการรับรู้และจดจำ และการสื่อสารสังคมเชิงรุก การขับเคลื่อนในพื้นที่จะแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ ระดับครัวเรือน ระดับชุมชน/ตำบล ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด ผ่านแนวทางระบบเกษตรสองขา “พอเพียง แบ่งปัน แข่งขันได้” โดยใช้รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” มาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการดำเนินการ ผ่านกลไกการมีส่วนร่วมและภาคีการพัฒนาจากทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาให้บรรลุเป้าหมายตามบริบทของพื้นที่ที่กำหนดร่วมกัน และส่งผลต่อการยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มพื้นที่จัดเก็บคาร์บอนและความสมดุลของสิ่งแวดล้อม เป็นการนำการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียงสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกต่อไป

ในส่วนของจังหวัดอุบลราชธานี นั้น ถือว่ามีความพร้อมในการดำเนินงานและสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนในพื้นที่บริเวณรอบๆ ศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ได้แก่ ตำบลหัวดอน ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน, วัดป่าศรีแสงธรรม บ้านดงดิบ ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม, ดอนป่าติ้ว บ้านโนนมะเขือ ตำบลกาบิน อำเภอกุดข้าวปุ้น, ตำบลหนองบัวฮี และตำบลไร่ใต้ อำเภอพิบูลมังสาหาร ตลอดจนพื้นที่อำเภอต่างๆ ที่มีความพร้อม และกำลังอยู่ระหว่างการประชุมชี้แจงและทำความเข้าใจ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ และภาคีเครือข่ายในจังหวัดฯ ซึ่งถือเป็นจังหวัดแรกในประเทศไทย ที่สนใจและให้ความสำคัญ ในการขับเคลื่อนโครงการฯ ดังกล่าวหรือเป็นการนำร่องการดำเนินงานและต้นแบบในการขับเคลื่อนนโยบายและโครงการสำคัญต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

โอกาสนี้ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังได้กล่าวถึงการสนับสนุนโครงการฯ ของทุกจังหวัดและทุกหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงมหาดไทย นั้นจะสามารถพิจารณากำหนดรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ที่เหมาะสมร่วมกับภาคประชาชนและภาคเอกชนในพื้นที่ ที่สามารถส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ช่วยการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ และการเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนา ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงหรือทฤษฎีใหม่ หลัก “บวร” (บ้าน วัด โรงเรียน/ราชการ) “บรม” (บ้าน โรงเรียน/ราชการ มัสยิด) “ครบ” (คริสต์ โรงเรียน/ราชการ บ้าน) รวมถึงแนวพระราชดำริต่าง ๆ การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) การพัฒนาและการรังสรรค์นวัตกรรมในรูปแบบใหม่ Policy Sandbox ภายใต้การปฏิรูประบบราชการ และแนวทางการพัฒนาโดยใช้ศาสตร์อื่น ๆ เพื่อมาเป็นแหล่งเรียนรู้ตามแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ในพื้นที่ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจและเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ ที่ถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินข้าร่วมโครงการภายใต้เงื่อนไขสำคัญที่พื้นที่ที่เข้าร่วมนั้น ต้องพัฒนาให้สามารถประโยชน์สุขร่วมกันตามนโยบายของรัฐบาลในการขจัดปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นพื้นที่มีความพร้อมในการดำเนินงานได้ทันที และต้องได้รับการยินยอมให้ใช้พื้นที่และจดทะเบียนการใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องครบถ้วนตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยจังหวัดอุบลราชธานี จะจัดส่งข้อมูลในพื้นที่มายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 นี้

จากนั้น พระพิพัฒน์วชิโรภาส ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เมตตาเยี่ยมชมการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” แปลงพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล (Community Lab Model for quality of life : CLM) สวนภูมิพัฒน์ บ้านสร้างแก้วสดใส หมู่ที่ 18 ตำบลโพธิ์ไทร อำเภอพิบูลมังสาหาร พร้อมกันนี้ ได้เมตตาปลูกป่าตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ โดยปลูกต้นมะพร้าวน้ำหอม เพื่อความเป็นสิริมงคล ในพื้นที่แปลงครัวเรือนดังกล่าวด้วย

ช่วงท้ายระหว่างเดินทางกลับ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ยังได้เมตตาแวะเยี่ยมชมแปลงโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” งบพัฒนาจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 นางรัตนภรณ์ บัวอาจ บ้านแสงทอง หมู่ที่ 8 ต.บุ่งมะแลง อ.สว่างวีระวงศ์ ซึ่งพระพิพัฒน์วชิโรภาส ได้เป็นผู้ตั้งชื่อศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ว่า “โคก หนอง นา พัทยาน้อย” เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม มีหนองที่ขุดขึ้นจากโครงการ ที่มีน้ำเขียวใสสวยงามเหมือนชายหาดพัทยา มีดินร่วนปนทรายที่อุดมสมบูรณ์ ประกอบกับการคมนาคมที่สะดวกสบายอยู่ติดกับถนนทางหลวงหมายเลข 217 ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดเพียง 20 กว่ากิโลเมตร จึงถือว่าเป็นศูนย์เรียนรู้ที่น่าสนใจ และมีแนวทางที่จะขอความร่วมมือจากส่วนราชการและภาคีที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมสนับสนุนและส่งเสริมให้แปลงตัวอย่างแห่งนี้ สามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวหรือ Landmark แห่งใหม่ที่สวยงามของจังหวัดได้ต่อไปในอนาคต