วิน-วิน!“จุรินทร์”นำ MoU พาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว” ลดต้นทุนหมู เพิ่มราคาข้าว จำนวน 50,199 ตัน มูลค่า 535 ล้านบาท

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 เวลา 15.30 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายมนัส แก้วศรีงาม อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทยนายบุญธรรม อร่ามศิริวัฒน์ เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และนายบุญเสริม เจริญวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารสัตว์จำกัด(มหาชน) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MoU โครงการพาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว” ปีการผลิต 2564/65 ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกความคืบหน้าหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยดูแลภาคการเกษตรอย่างบูรณาการ เป็นรูปธรรม มีผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นได้จริง โดยมีเป้าหมาย คือ การดูแลยกระดับราคาข้าวให้สูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ขณะเดียวกันช่วยดูแลเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพปศุสัตว์ในการเลี้ยงสุกรให้สามารถลดต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะอาหารสัตว์ให้ลดลง โครงการพาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว” จะเป็นโครงการตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่สุดที่นำข้าวกับหมูมาชนกันอย่างเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่าย

1.เอาข้าวมาขายทำอาหารสัตว์ในราคาที่เป็นธรรม หรือยกระดับราคาที่ดีกว่าการขายในตลาดปกติ

2.เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรสามารถนำข้าวคุณภาพอาหารสัตว์ราคาพิเศษ มาใช้ทำอาหารสุกร เพื่อลดต้นทุนการเลี้ยงสุกร เป็นโครงการที่ win-win ทั้ง 2 ฝ่าย โครงการนี้จึงเกิดขึ้นภายใต้ความพยายามช่วยดำเนินการของกรมการค้าภายในและเป็นนโยบายที่ตนมอบให้ไปดำเนินการซึ่งจะไม่มีเฉพาะวันนี้ แต่จะมีวันต่อไปด้วย ตราบที่ราคาข้าวต้องการให้สูงขึ้น เพื่อช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้ขายข้าวราคาดีขึ้นและลดต้นทุนเลี้ยงสุกรด้วย

โดยมีข้าว 2 ประเภท

1.ข้าวเปลือก ความชื้นไม่เกิน 15% ในราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 8 บาท

2.ข้าวสาร ประกอบด้วย ข้าวกล้องปลายข้าวคุณภาพอาหารสัตว์และข้าวหักความชื้นที่ไม่เกิน 15% ขายในราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 11 บาท ซึ่งถือว่าช่วยลดต้นทุนมากกว่าการนำพืชเกษตรตัวอื่นมาทำอาหารสัตว์

“วันนี้ทำ MoU ทั้งหมด 50,199 ตัน เป็นโรงสี จำนวน 49,500 ตัน และสหกรณ์อีก 4 ราย จำนวน 699 ตัน รวม 50,199 ตัน มูลค่ารวม 535 ล้านบาท โดยเริ่มส่งตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 และตั้งเป้าว่าจะไม่ขายเฉพาะ 50,000 นี้ กรมการค้าภายในจะพยายามเจรจาทำให้ได้ 150,000 ตัน ซึ่งจะช่วยดึงราคาข้าวปลายฤดูขึ้นได้อีก และขอขอบคุณผู้ซื้อทุกราย”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

สำหรับผู้ซื้อข้าว 5 ราย ประกอบด้วย

1.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป

2.ไทยรุ่งเรืองกิจการ จังหวัดนครปฐม

3.อาร์ เอ็ม ซี ฟาร์ม จังหวัดบุรีรัมย์

4.จงเจริญฟาร์ม จังหวัดนครนายก

5.เกษมชัยฟาร์มกรุ๊ป จังหวัดนครปฐม

รวมจำนวนทั้งสิ้น 50,199 ตัน