กรมการค้าต่างประเทศอัปเดตสิทธิประโยชน์ทางการค้าใหม่ปี 2565

กรมการค้าต่างประเทศตอบรับนโยบาย เดินหน้าบังคับใช้ความตกลง RCEP เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการไทย สร้างแต้มต่อในเวทีการค้าโลกด้วยสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTAs

นายชุตินันท์ สิริยานนท์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงข่าวความคืบหน้าของความตกลง RCEP ว่าประเทศอาเซียน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ บรูไนฯ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย พร้อมทั้งประเทศคู่เจรจา 4 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ยื่นสัตยาบันสารต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ความตกลง RCEP จะมีผลบังคับใช้กับประเทศดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไปอย่างแน่นอน โดยกรมการค้าต่างประเทศซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form RCEP) และกำกับดูแลการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองโดยผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต (Self-Certification by approved exporter) ได้เตรียมการสำหรับการบังคับใช้ความตกลง RCEP เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงดังกล่าวได้ทันทีเมื่อความตกลงมีผลบังคับใช้

รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวว่า กรมการค้าต่างประเทศได้จัดทำระบบต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการบังคับใช้ความตกลง RCEP ได้แก่ ระบบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form RCEP) ระบบการตรวจสอบคุณสมบัติด้านถิ่นกำเนิดของสินค้า หรือ ROVERs และระบบการขึ้นทะเบียนผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต และจะออกประกาศกรมการค้าต่างประเทศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข รวมถึงวิธีการในการยื่นขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form RCEP) และการขึ้นทะเบียนผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต ประกาศให้ผู้ประกอบการทราบรายละเอียดเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ RCEP ต่อไป และนอกจากการจัดเตรียมระบบดังกล่าว กรมการค้าต่างประเทศยังได้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรภายในของกรมฯ เพื่อรองรับภาระงานในการอำนวยความสะดวกทางการค้า และมีกำหนดจัดงานสัมมนาออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้าและส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลง RCEP ให้แก่ผู้ประกอบการในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 อีกด้วย

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA จะมีการปรับปรุงพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์ โดยเปลี่ยนจากฉบับปี 2002 เป็น 2017 ส่งผลให้มีการปรับแก้ไขแบบฟอร์มหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form JTEPA) และแบบขอรับการตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิด ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้มีการแก้ไขประกาศกรมการค้าต่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ในการขอหนังสือรับรองฯ และตรวจสอบพิกัดอัตราภาษีศุลกากรและกฎถิ่นกำเนิดได้สะดวกมากขึ้น ที่ผ่านมาญี่ปุ่นถือเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย จากข้อมูลการใช้สิทธิพิเศษในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ของปี 2564 พบว่าไทยใช้สิทธิ JTEPA ในการส่งออกไปญี่ปุ่นมากถึง 4,961.24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญที่มีการใช้สิทธิดังกล่าว ได้แก่ เนื้อสัตว์แช่แข็ง และสินค้าอุตสาหกรรมจำพวกสารเคมี อาทิ เดกซ์ทริน โพลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต เป็นต้น

รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเน้นย้ำว่าสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTAs ถือเป็นอาวุธสำคัญสำหรับการส่งออกของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความตกลง RCEP ที่ครอบคลุมพื้นที่ประเทศสมาชิกรวมทั้งสิ้น 15 ประเทศ สามารถสร้างแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งมีการปรับกฎระเบียบ มาตรการทางการค้าและพิธีการทางศุลกากรให้สอดคล้องกันในการใช้สิทธิประโยชน์ ลดความยุ่งยากและซับซ้อนในการดำเนินพิธีการต่าง ๆ ช่วยลดต้นทุนด้านภาษี และที่สำคัญยังช่วยให้ผู้ประกอบการได้ประโยชน์จากการใช้วัตถุดิบในแหล่งที่กว้างขึ้น โดยสามารถนำมาผลิตเพื่อให้ได้ถิ่นกำเนิดไทย ยิ่งไปกว่านั้น ความตกลง RCEP ได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ส่งออกของไทยในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด เนื่องจากปัจจุบันความตกลง ASEAN+1 เช่น อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ยังไม่มีการใช้ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองโดยผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต (Self-Certification by approved exporter) ซึ่งเป็นทางเลือกที่จะสามารถช่วยลดต้นทุนเอกสารการส่งออกสำหรับผู้ประกอบการได้

กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลการใช้สิทธิประโยชน์ด้านถิ่นกำเนิดสินค้าของไทยภายใต้ FTAs พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการอย่างสูงสุด ทั้งในด้านการให้คำปรึกษาสำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ และการยกระดับการบริการต่าง ๆ ของกรมด้วยนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อที่ผู้ประกอบการไทยจะได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTAs ให้ได้ประโยชน์สูงสุดและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ประสงค์จะใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลง RCEP และผู้สนใจทั่วไป ขอให้ติดตามลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการสัมมนาการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลง RCEP ในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ได้จากเว็บไซต์ของกรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th ต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีต่าง ๆ ได้ที่ สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ โทร. 1385 หรือไลน์แอปพลิเคชันชื่อบัญชี “@gsp_helper”
**************************
24 พฤศจิกายน 2564