“รมว.วราวุธ” สั่งรุกตลาดคาร์บอนไทย หวังเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิต มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และ Net Zero

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 เวลา 16.30 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) ประชุมหารือ แนวทางยกระดับตลาดคาร์บอนสู่ระดับสากล ร่วมกับคณะกรรมการบอร์ด องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก โดยมี นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก นำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 17 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero greenhouse gas emission) ภายใน ปี 2065 ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และประกาศไว้ในที่ประชุมสุดยอดระดับผู้นำ (World Leaders Summit) ระหว่างการประชุม COP26 ที่ผ่านมา ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร

การประชุมหารือในครั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบถึงผลสรุป COP26 กฎกติกาการดำเนินงานตาม Article 6 ภายใต้ความตกลงปารีส และการเตรียมความพร้อมแผนการพัฒนามาตรฐาน T-VER สู่ระดับสากล กลไกการรับรองภาคป่าไม้ระดับสากล การพัฒนา Thailand Voluntary Carbon Market Development และ แผนการปรับปรุงระบบ Registry ของประเทศไทย โดยได้พิจารณาถึงแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจก และการสร้างความน่าเชื่อถือในกระบวนการลดก๊าซเรือนกระจก ด้วยการใช้กลไกการตลาด ที่มุ่งเน้นตลาดภายในประเทศ และการส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันได้มีองค์กรชั้นนำของประเทศที่มีการตั้งเป้าหมาย Net Zero แล้วถึง 23 องค์กร นอกจากนี้ ยังรวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนรณรงค์ให้ภาคการท่องเที่ยวและการจัดกิจกรรมพิเศษ (EVENT) ต่าง ๆ ดำเนินกิจกรรมในรูปแบบ Carbon Neutral อีกด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำร่างกฎระเบียบในการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตของประเทศไทยให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเร่งพัฒนาระบบ Registry สู่ระดับสากล ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รวมทั้งเร่งจัดทำแผนการสื่อสารเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศต่อไป