กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ลงพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาการปิดจุดตัดทางถนนและทางรถไฟบริเวณบ้านศาลาลัย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ตามที่กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้รับทราบข้อร้องเรียนของประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 64 เรื่องปัญหาการปิดจุดตัดทางถนนและทางรถไฟบริเวณบ้านศาลาลัย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้ชาวบ้านผู้เพาะเลี้ยงกุ้งในพื้นที่ ไม่สามารถขนสินค้าการเกษตร โดยรถบรรทุก ผ่านจุดตัดทางรถไฟได้ ทำให้สินค้าการเกษตรเกิดความเสียหาย นั้น

เมื่อวันที่ 17 – 18 พ.ย. 64 กองมาตรฐานความปลอดภัยและบำรุงทาง ขร. จึงได้ลงพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา โดยบริเวณดังกล่าว เดิมเป็นจุดตัดทางรถไฟกับถนนเสมอระดับ มีอุปกรณ์ประเภทไม้กั้น ต่อมาได้มีการก่อสร้างเป็นจุดตัดต่างระดับประเภททางลอด (Underpass)ในบริเวณข้างเคียงในโครงการรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ จึงได้มีการปิดจุดตัดเสมอระดับ แต่เนื่องด้วยทางลอดมีความสูง 3 เมตร ทำให้รถบรรทุกไม่สามารถสัญจรลอดผ่านได้

จากการหารือแนวทางการแก้ปัญหากับบริษัทผู้รับเหมาและบริษัทผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ได้ข้อสรุปให้มีการประสานเทศบาลตำบลไร่เก่า เพื่อให้มีการก่อสร้างทางข้ามหรือทางลอดในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งทางข้ามหรือทางลอดที่จะสร้างใหม่ จะรองรับรถที่มีความสูงไม่เกิน 4 เมตร พร้อมให้มีมาตรการการป้องกันน้ำท่วมบริเวณดังกล่าว รวมทั้งก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟ เพื่อให้สามารถเลี่ยงไปใช้ทางที่จะสร้างใหม่ได้ โดยให้มีการหารือถึงรูปแบบและวิธีการกับการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ได้มีการลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจุดตัดทางรถไฟ ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี โดยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จุดตัดบริเวณกิโลเมตรที่ 207+214 จุดตัดที่ 234+555 และ จุดตัดที่ 265+060 ได้มีการก่อสร้างทางข้าม (Overpass) แล้ว ส่วนจุดตัด 246+708 จุดตัด 253+953 และจุดตัด 293+040 ได้ดำเนินการก่อสร้างทางลอด (Underpass) สำหรับจังหวัดเพชรบุรี จุดตัด 145+296 และจุดตัด 160+149 ได้มีการก่อสร้างทางข้ามแล้ว

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-ชุมพร ได้มีการปรับปรุงจุดตัดเสมอระดับต่างๆ ให้เป็นจุดตัดต่างระดับ พร้อมติดตั้งรั้วกั้นสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางถนนและทางรถไฟอย่างยั่งยืน

******************************