17 พฤศจิกายน 2564 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดตราด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดตราด นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานมอบนโยบายการแก้จนคนตราด แก่เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดตราด นำโดย นายมนตรี ฮมแสน พัฒนาการจังหวัดตราด เพื่อสร้างเสริมทักษะและแนวทางการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในระดับพื้นที่ โดยมีกรอบแนวคิด ดังนี้
1. ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีฐานคิดที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อนำแนวทางแปลงสู่การปฏิบัติที่ชัดเจนและตรงประเด็น
2. ความจนตามระบบแฟ้มบ้านพัฒนาคนไทย (TPMAP) แบ่งเป็น 5 มิติ ประกอบด้วย มิติที่ 1 ด้านสุขภาพ มิติที่ 2 ด้านความเป็นอยู่ มิติที่ 3 ด้านการศึกษา มิติที่ 4 ด้านรายได้ และมิติที่ 5 ด้านการเข้าถึงบริการรัฐ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ให้ความสำคัญของมิติที่ 1 ด้านสุขภาพ มาเป็นอันดับแรก เนื่องจากว่า ความจนนั้นเกิดจากตัวของคน ซึ่งในตัวคน ๆ หนึ่งนั้น ควรมีทุนครบทั้ง 3 ทุน ได้แก่ ทุนที่ 1 สติปัญญา ทุนที่ 2 สุขภาพอนามัย และทุนที่ 3 กรรมสิทธิ์ (ในที่อยู่อาศัย/ที่ดินทำกิน) หากขาดทุนใดทุนหนึ่งแล้วไซร้ จะเกิดความยากจนทันที ด้วยเหตุที่ไม่สามารถทำงานประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนได้
3. ควรปรับแนวความคิด (Mind set) ให้เด็กไทยมีความรับผิดชอบในการรู้จักหารายได้ระหว่างเรียน (Learning by Doing) เพื่อฝึกให้เด็กไทยได้รู้จักการเรียนรู้พร้อมกับหาประสบการณ์ตั้งแต่เยาว์วัย จนนำไปสู่การพึ่งตนเองได้ในที่สุด ไม่ควรสอนให้เรียนเพียงอย่างเดียวโดยไม่ฝึกให้มีความรับผิดชอบในการหาเลี้ยงตน ซึ่งปัญหาที่พบในปัจจุบันนี้คือ เด็กไทยถูกสอนมาแบบไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ให้เรียนให้เก่งเพียงเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วเป็นปัญหาแรงงานที่ไม่สู้งาน คิดแต่เพียงทำอย่างไรจึงจะมีรายได้สูง โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ผลสะท้อนกลับคือ ต้องกลับไปพึ่งพิงผู้ปกครองในการหาเลี้ยงชีพ เพราะตนทำอะไรไม่เป็น
4. ควรออกแบบการเอ็กซ์เรย์กลุ่มเป้าหมายเป็นรายครัวเรือน ในรูปแบบ Google Form เพื่อค้นหาทักษะ/ความเชี่ยวชาญ/ความต้องการ (เติมเต็มสิ่งที่คน ๆ นั้นต้องการ) ที่แท้จริงในตัวคน ๆ นั้น แล้วนำไปวิเคราะห์เพื่อประมวลผลผ่านระบบ AI เพื่อออกแบบการหาแนวทางการแก้จนอย่างตรงประเด็นที่สุด
5. ควรมีผู้นำทางศาสนาร่วมเป็นคณะกรรมการในการขับเคลื่อนการแก้จนให้ครบทุกศาสนาตามบริบทของคนในพื้นที่ เพื่อปรับแนวทางให้ตรงกับบริบทของวิถีชีวิตของคนในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งนำสู่การพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ
6. การพัฒนาคนต้องมีความแตกต่าง เนื่องจากทักษะความเก่งและความเชี่ยวชาญของคนนั้นไม่เหมือนกัน ควรที่จะเติมเต็มในทักษะ/ความเชี่ยวชาญในแต่ละคนให้โดดเด่น จนเป็นอัตลักษณ์ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
7. ควรคิดแบบ “ทำให้ง่าย” (Do it right away)
8. การสัมภาษณ์กลุ่มคนจนเป้าหมายนั้นต้อง “ใส่ใจ” จึงจะสามารถเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนที่สุด และช่วยให้ผู้ที่สัมภาษณ์ได้เรียนรู้และรับสิ่งที่นำไปสร้างประโยชน์ได้อย่างมาก เพราะความรู้อยู่ที่ชุมชน
9. สิ่งที่ยากในการพัฒนาคน คือ การปรับความคิด (Mind set) การไม่เข้าใจในกรอบแนวคิด และการคิดไม่เป็น
10. การหาทางออกที่ดีนั้น จำเป็นจะต้องมีองค์ความรู้ในการนำทาง จึงจะพบหาออกที่แท้จริง
การมอบนโยบายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ในวันนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดตราดทุกคน รู้สึกมีพลังในการขับเคลื่อนโครงการแก้จนคนตราด ด้วยการได้รับแนวความคิดที่ดี และทันสมัย ตรงประเด็น สร้างความกระจ่างในการหาแนวทางในการค้นหาและเก็บข้อมูลของกลุ่มคนจนเป้าหมาย เพื่อนำไปสู่การหาทางออกของการแก้จนคนตราด ได้อย่างกระจ่างชัดที่สุด