ปลัดกระทรวงเกษตรฯ เปิดการประชุมออนไลน์ AGRITECHNICA ASIA & HORTI ASIA Regional Summit พร้อมสนับสนุนระบบอาหารที่ยั่งยืนด้วยการผลิตที่ชาญฉลาด

ดร.ทองเปลว กองจันทร์  ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมออนไลน์ AGRITECHNICA ASIA & HORTI ASIA Regional Summit ครั้งที่ 1  ในหัวข้อ “การผลิตที่ชาญฉลาดสำหรับระบบอาหารที่ยั่งยืน” ผ่านระบบ Zoom meeting ว่า การประชุมดังกล่าวมีความสำคัญและมีความสอดคล้องกับการขับเคลื่อนภาคเกษตรของประเทศไทยที่ผ่านมา ในปัจจุบัน และในอนาคตข้างหน้าที่กำลังจะ พลิกโฉมจากการเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่ระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืน โดยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับปัจจัย ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ด้านพัฒนากำลังคนภาคเกษตร ให้เป็น Smart Farmer และ Smart Officer ยกระดับผู้ประกอบการเกษตรสมัยใหม่ ด้านพัฒนากระบวนการทำงาน โดยทำงานในพื้นที่และแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์กัน ด้านผลักดันการใช้และเข้าถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมการเกษตร เพื่อให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ลดปัญหาและความเสี่ยงจากการทำเกษตร และทำเกษตรได้แม่นยำและยั่งยืนมากขึ้น และด้านการสร้างเครือข่ายกับทุกภาคส่วน ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร นำจุดแข็งของทุกภาคส่วนมาสนับสนุนการพัฒนาภาคเกษตร

“เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ผมได้ประชุมกับผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี 2565 การเตรียมความปกติถัดไป หรือ (Next Normal)  และในวันนี้ ผมได้เชิญระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ทั้งจากส่วนกลางและที่ทำงานในพื้นที่ทุกจังหวัดของประเทศไทย รวมทั้งเกษตรกรแปลงใหญ่และเกษตรกรรุ่นใหม่ และผู้แทนจากหน่วยงานวิจัยการเกษตร เข้าร่วมการประชุมทั้งแบบ On-site และ Online เพื่อจะได้เข้าใจถึงการผลิตที่ทันสมัย และการจัดการพืชผลอย่างชาญฉลาดที่ทำให้การผลิตอาหารมีความยั่งยืนทั้งระบบ ตั้งแต่การจัดหาปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และการอารักขาพืชที่เหมาะสม การเตรียมดิน น้ำ และพื้นที่ปลูก การจัดการทั้งก่อนและหลัง การเก็บเกี่ยว ระบบโรงเรือน การทำฟาร์มแนวตั้งและในร่ม การขนส่ง รวมไปถึงแอพลิเคชั่นด้านเกษตรต่างๆ” ดร.ทองเปลว กล่าว

อย่างไรก็ตามการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ผลิตสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมการเกษตรและนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง การรวมกลุ่มทำเกษตรแปลงใหญ่ การรวมกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจ มีส่วนสำคัญในการช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเกษตรกร ทำให้บริหารจัดการสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริหารจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วม การสร้างความร่วมมือ และเครือข่ายพันธมิตร เพื่อยกระดับภาคเกษตรและเกษตรกรให้มีภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบ และรองรับต่อความท้าทายต่างๆ ซึ่งสุดท้ายจะนำไปสู่การเป็นเกษตรกรที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น