ปภ.รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม 12 จังหวัด ประสานเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย

5 พ.ย.64 เวลา 10.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 5 พ.ย. 2564 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 12 จังหวัด (หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี นครราชสีมา สิงห์บุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม ) รวม 37 อำเภอ 315 ตำบล 1,847 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 81,083 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 23 ราย ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เร่งระบายน้ำและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 5 พ.ย. 2564 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี นครราชสีมา สิงห์บุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม รวม 37 อำเภอ 315 ตำบล 1,847 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 81,083 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 23 ราย (ลพบุรี 11 ราย เพชรบูรณ์ 2 ราย ชัยนาท 2 ราย นครสวรรค์ 3 ราย สิงห์บุรี 3 ราย สุพรรณบุรี 2 ราย) แยกเป็น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด รวม 12 อำเภอ 52 ตำบล 336 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,004 ครัวเรือน ได้แก่

1.หนองบัวลำภู ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสัง และอำเภอศรีบุญเรือง รวม 7 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 254 ครัวเรือน

2.ขอนแก่น ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภออุบลรัตน์ อำเภอน้ำพอง และอำเภอเมืองขอนแก่น รวม 15 ตำบล 124 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,473 ครัวเรือน

3.มหาสารคาม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย อำเภอกันทรวิชัย และอำเภอเมืองมหาสารคาม รวม 12 ตำบล 41 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,627 ครัวเรือน

4.อุบลราชธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 4 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 577 ครัวเรือน

5.นครราชสีมา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสูง และอำเภอพิมาย 14 ตำบล 129 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,073 ครัวเรือน

ภาคกลาง 7 จังหวัด รวม 25 อำเภอ 263 ตำบล 1,511 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 75,079 ครัวเรือน ได้แก่

6.สิงห์บุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอพรหมบุรี รวม 13 ตำบล 55 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,170 ครัวเรือน

7.ลพบุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอเมืองลพบุรี รวม 6 ตำบล 21 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 850 ครัวเรือน

8.สุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 20 ตำบล 58 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,011 ครัวเรือน

9.อ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอไชโย อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 36 ตำบล 166 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,453 ครัวเรือน

10.พระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน และอำเภอลาดบัวหลวง รวม 106 ตำบล 380 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49,385 ครัวเรือน

11.ปทุมธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 56 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,301 ครัวเรือน

12.นครปฐม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอกำแพงแสน และอำเภอดอนตูม รวม 61 ตำบล 475 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,909 ครัวเรือน

ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมสรรพกำลังในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ และดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง/////