กรมเจ้าท่า ชี้แจง ทำความเข้าใจ ข้อกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาอนุญาตสิ่งล่วงล้ำลำน้ำตามคำสั่ง คสช.ที่32/2560

ตามที่ได้มีการเสนอข่าวผ่านสื่อโซเชียล กรณี สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะสมุยและเทศบาลนครเกาะสมุย ได้เรียกเก็บค่าตอบแทนการออกใบอนุญาตสิ่งปลูกสร้างเขื่อนกันน้ำเซาะในอัตราที่สูงเกินไป ตั้งแต่ในปีปัจจุบัน และย้อนหลังไปถึงปี 2561 โดยให้ชำระยอดรวมรวดเดียว 4 ปี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 นั้น กรมเจ้าท่า ขอชี้แจงในประเด็นดังกล่าว ดังนี้

กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม โดยนายอรุณ บุปผะโก ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สาขาเกาะสมุย ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในข้อกฎหมาย ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตสิ่งปลูกสร้างเขื่อนกันน้ำเซาะ ผ่านผู้สื่อข่าวในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย เรื่อง การอนุญาตให้ปลูกสร้างเขื่อนกันน้ำเซาะที่ออกให้ตามมาตรา 117 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือคำสั่ง คสช.ที่ 32/2560 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 โดยหลักการแล้วคือห้าม ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ แต่หากจำเป็นการอนุญาตเป็นข้อยกเว้น ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำ เช่นเขื่อนกันน้ำเซาะ ท่าเทียบเรือเป็นผู้ได้ครอบครองและใช้ประโยชน์ในพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันจึงต้องเสียค่าตอบแทนเป็นรายปีตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 64 ปี 2537 (ออกตามความมาตรา 117 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) โดยการจัดเก็บค่าตอบแทนรายปี เพื่อเป็นรายได้แผ่นดิน เป็นหน้าที่ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำตั้งอยู่ และการจัดเก็บค่าตอบแทนก็มิใช่หน้าที่ของกรมเจ้าท่าแต่อย่างใด

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าได้มีการกำหนดมาตรการป้องกันและตรวจสอบ เพื่อมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหาผลประโยชน์จากการอนุญาตให้ปลูกก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งกรมเจ้าท่า พร้อมเร่งแก้ปัญหาและทำความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว