กระทรวงเกษตรฯ เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 43 (43rd AMAF) และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 21 (21st AMAF Plus Three)

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้นายนราพัฒน์ แก้วทอง  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยระดับรัฐมนตรี (AMAF Leader) เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 43 (43rd AMAF) และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 21 (21st AMAF Plus Three) พร้อมด้วย นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าคณะผู้แทนไทยระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (SOM AMAF Leader) รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รองอธิบดีกรมประมง ผู้อำนวยการสำนักการเกษตรต่างประเทศ ผู้แทนกรมปศุสัตว์ และผู้แทนกรมวิชาการเกษตร ผ่านระบบการประชุมทางไกลออนไลน์

โดยการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 43 (43rd AMAF) รัฐมนตรีเกษตรอาเซียน 10 ประเทศ ได้แลกเปลี่ยนนโยบายและแนวทางในการฟื้นฟูด้านการเกษตรและป่าไม้ภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยได้กล่าวเกี่ยวกับการดำเนินงานเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นไปตามกรอบการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมด้านการเกษตร โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เน้นสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร แรงงานคืนถิ่น และให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบ Area-based Approach ด้วยการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภายในกระทรวง และใช้กระบวนการการมีส่วนร่วมของชุมชน

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบาย ขับเคลื่อน 3S ได้แก่

1) ความปลอดภัย-Safety ได้แก่ ความปลอดภัยอาหาร มาตรฐาน และการตรวจสอบย้อนกลับ

2 )ความมั่นคง มั่งคั่งของภาคเกษตรและอาหาร-Security ได้แก่ ความมั่นคงอาหาร สุขภาพ ความปลอดภัยทางชีวภาพและความมั่นคงของเกษตรกร

3) ความยั่งยืนของภาคการเกษตร-Sustainability ได้แก่ การให้ความสำคัญกับการผลักดันเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model ในภาคเกษตร เพื่อให้ภาคการเกษตรของไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการเพิ่มมูลค่าและการมีของเสียเป็นศูนย์ ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด

ทั้งนี้ ที่ประชุมให้ความเห็นชอบเอกสารทั้งหมด 27 ฉบับ และรับทราบเอกสารทั้งหมด 6 ฉบับ ในสาขาต่าง ๆ ด้านพืชประมง ปศุสัตว์ ด้านมาตรฐาน ด้านป่าไม้ ฯลฯ รวมถึงรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา องค์การระหว่างประเทศ และคู่ภาคีอื่น ๆ และรับทราบการเห็นชอบใน ASEAN Guidelines on Promoting the Utilisation of Digital Technologies for ASEAN Food and Agricultural Sector ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการดำเนินการการกำหนดรูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของการเกษตรในภูมิภาคพลิกโฉมภาคการเกษตรในภูมิภาคโดยใช้ดิจิทัล รวมทั้งเห็นชอบข้อเสนอแนะของนโยบายประมงอาเซียน ASEAN General Fisheries Policy (AGFP) Feasibility Study เพื่อมุ่งเน้นความพยายามในการดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบตามกรอบนโยบายการประมงระดับภูมิภาค โดยรวมถึงประเด็นด้านขยะทะเล (marine debris) โดยประเทศไทยได้เน้นย้ำเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนงานและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับด้านประมงของอาเซียน การเสริมสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมายหรือการทำประมงไอยูยู โดยประเทศไทยมุ่งพัฒนาความร่วมมือผ่านการสร้างเครือข่ายอาเซียนเพื่อการต่อต้านการทำประมงไอยูยู หรือ AN-IUU ซึ่งจะเป็นช่องทางในการแบ่งปันข้อมูลที่จำเป็นกับประเทศสมาชิกอาเซียน นอกจากนี้ ประเทศไทยสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศเสริมสร้างและพัฒนากิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเพื่อควบคุมป้องกันโรคระบาดสัตว์ โดยใช้ภูมิปัญญาและประสบการณ์ร่วมกันของภูมิภาคในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคและโรคระบาด และสร้างความมั่นใจว่าการค้าสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัยได้รับการป้องกันจากการแพร่ระบาดของโรคจากสัตว์สู่คนในอนาคตด้วย

สำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 21 (21st  AMAF Plus Three) รัฐมนตรีเกษตรอาเซียน 10 ประเทศ และรัฐมนตรีเกษตรของประเทศบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี) ได้แลกเปลี่ยนนโยบายและแนวทางในการฟื้นฟูด้านการเกษตรและป่าไม้ ภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 โดยที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการตามยุทธศาสตร์อาเซียนบวกสาม (APTCS) ปี 2559-2568 ที่ประชุมยินดีกับการพัฒนายุทธศาสตร์อาเซียนว่าด้วยพลังงานชีวมวลที่ยั่งยืนเพื่อชุมชนเกษตรกรรมและการพัฒนาชนบทในปี 2563-2573 (ASEAN Strategy on Sustainable Biomass Energy for Agriculture Communities and Rural Development in 2020-2030) และแนวทางอาเซียนในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคอาหารและการเกษตร (ASEAN guidelines on promoting the utilisation of digital technologies in the food and agriculture sector) พร้อมทั้ง รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของ APTERR และรับทราบการดำเนินงานของ AFSIS ในการเสริมสร้างศักยภาพด้านระบบข้อมูลสารสนเทศความมั่นคงทางอาหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการตีพิมพ์รายงานสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มของสินค้า 5 ชนิด คือ ข้าว ข้าวโพด อ้อย ถั่วเหลือง และมันสำปะหลัง ทั้งนี้ ประเทศไทยให้ความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะในภาวะวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อาหาร ประเทศไทยเห็นควรส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของอาเซียนบวกสามมากยิ่งขึ้น ในด้านการแบ่งปันข้อมูลความมั่นคงด้านอาหารระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนบวกสาม การส่งเสริมความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาในด้าน Food system

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยในฐานะประเทศเจ้าภาพ ยังคงสนับสนุนสำนักเลขาธิการ APTERR และ AFSIS และส่งเสริมบทบาทและความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การบรรเทาความยากจน และการกำจัดภาวะทุพโภชนาการภายในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงความท้าทายของการระบาดของ COVID-19ภัยธรรมชาติ ภาวะฉุกเฉินและเหตุการณ์ด้านมนุษยธรรมอื่น ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในภูมิภาคอาเซียน และท้ายที่สุดประเทศไทยยังสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวในภาคการเกษตรและป่าไม้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานอาหาร การผลิตทางการเกษตรที่ใช้นวัตกรรมและยั่งยืน รวมทั้งระบบอาหารอีกด้วย.