ชป. เตรียมพร้อมรับมือฝน 13-20 ต.ค.นี้

นายธเนศ สมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอุทกวิทยา กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำ ว่า ปัจจุบัน(14 ต.ค.64) ปริมาณน้ำในอ่างฯ 53,962 ล้าน ลบ.ม. (71% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 30,030 ล้าน ลบ.ม. (58% ของความจุอ่างฯรวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 22,126 ล้าน ลบ.ม. สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ ป่าสักฯ)มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 13,277 ล้าน ลบ.ม. (53% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 6,581 ล้าน ลบ.ม. (36% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 11,594 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า พายุโซนร้อนกำลังแรง “คมปาซุ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 13 – 14 ตุลาคม 2564 จะอ่อนกำลังลง และทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ประกอบกับในช่วงวันที่ 12 – 16 ตุลาคม 2564 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ นั้น

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) แล้วพบว่า มีพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในช่วงวันที่ 13 – 20 ตุลาคม 2564 ดังนี้

🔺ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ  *แม่น้ำมูล ได้แก่

–  จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอประโคนชัย อำเภอสตึก และอำเภอคูเมือง

–  จังหวัดสุรินทร์ อำเภอชุมพลบุรี และอำเภอท่าตูม

–  จังหวัดศรีสะเกษ อำเภอเมืองศรีสะเกษ และอำเภอราษีไศล

🔺ภาคกลาง บริเวณ  *แม่น้ำป่าสัก ได้แก่

– จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือ

– จังหวัดสระบุรี  อำเภอเมืองสระบุรี

*แม่น้ำลพบุรี ได้แก่

– จังหวัดลพบุรี  อำเภอเมืองลพบุรี

*แม่น้ำท่าจีน  ได้แก่

– จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอสองพี่น้อง

🔺ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด

🔺ภาคตะวันตก ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี ภาคใต้ จังหวัดระนอง และพังงา

และเฝ้าระวังระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้น กระทบบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างฯ

🔸ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดนครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสกลนคร

🔸ภาคตะวันออก ที่จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

🔸 ภาคกลาง ที่จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี

🔸ภาคตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่เพิ่มขึ้น โครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยง ได้เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศรวมทั้งสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ  พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 หรือเกณฑ์ควบคุมสูงสุด (Upper Rule Curve) ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ พิจารณาปรับการระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้น และเร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก  ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้การระบายน้ำทำได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนเตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้ทันที ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทำการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำ ล่วงหน้า ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์

*******************************************