กรม สบส.เร่งยกระดับการให้บริการ เน้นเอื้อประโยชน์แก่ประชาชน รับนโยบายไทยแลนด์ 4.0

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เร่งยกระดับระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจบริการสุขภาพ โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2561 ต้องพัฒนากระบวนงานขึ้นทะเบียนพนักงานนวดและผู้ดำเนินการสปาด้วยการใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว  พร้อมเร่งพัฒนาระบบการรับชำระค่าธรรมเนียมผ่านทางออนไลน์และทางธนาคาร

          นายแพทย์ภานุวัฒน์  ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าตามกฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ การอนุญาตเป็นผู้ดำเนินการ
การอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2560 กำหนดให้สามารถยื่นคำขอผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีฯกำหนด ซึ่งภายในปี 2561 นี้ กรมฯมีนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้รับบริการในการประกอบธุรกิจบริการสุขภาพ  โดยเร่งจัดทำประกาศกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อกรุยทางให้ประชาชนมีความคล่องตัวและสะดวกในการขอรับบริการมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับปรุงกระบวนงานการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ หรือพนักงานนวด รวมทั้งผู้ดำเนินการสปา ด้วยการใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชนกับใบรับรองแพทย์เท่านั้น ส่วนการขออนุญาตประกอบกิจการในรายที่ต่ออายุใบอนุญาตฯ ได้วางเป้าหมายไว้ว่าให้สามารถยื่นชำระค่าธรรมเนียมประจำปีผ่านทางออนไลน์หรือผ่านธนาคารได้ โดยทั้งหมดนี้ จะเร่งดำเนินการภายในปี พ.ศ. 2561

ด้านนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนการดังกล่าวเป็นไปตามแผนแม่บทของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับนโยบายประเทศไทย4.0 เอื้อประโยชน์ให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เช่น สถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรธุรกิจบริการสุขภาพ(ที่ผ่านการรับรองจากกรมสบส.แล้ว) มีหน้าที่ต้องลงข้อมูลผู้ที่เรียนจบหลักสูตรลงในเว็บไซต์ spa.hss.moph.go.th ข้อมูลในระบบจะถูกดึงมาใช้ในการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการฯ โดยผู้ยื่นคำขอฯใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชนกับใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานเท่านั้น ทั้งนี้จะนำร่องในเขตกทม.ก่อน  จากนั้นจึงพัฒนาระบบเพื่อขยายผลไปสู่ส่วนภูมิภาคต่อไป ทั้งนี้ติดตามข่าวสารต่างๆของการพัฒนาระบบดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (www.thaispa.go.th) และเฟซบุ๊กชื่อ “กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ”