วันที่ (10 ต.ค.2564) เวลา 13.30 น. สถานการณ์อุทกภัยพบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ 8 จังหวัด 21 สายทาง การจราจรผ่านไม่ได้ 21 แห่ง และทางหลวงบางพื้นที่ยังมีปริมาณน้ำท่วมสูง
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยต่อประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน“ไลออนร็อก”ในช่วงนี้ ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันจะลดระดับความรุนแรงลง แต่ก็ยังคงมีฝนกระจายหลายพื้นที่ส่งผลให้มีมวลน้ำสะสมหลายจังหวัดของประเทศ อาจเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่มได้ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวก และปลอดภัย ตลอดจนป้องกันเหตุแก่ประชาชน และผู้ใช้รถในช่วงฤดูฝนนี้ โดยให้ติดตามเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัย ติดตามการเตือนภัยของกรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ หากเกิดภัยพิบัติให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งแก้ไขให้การจราจรใช้การได้ในเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งสั่งการให้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ วัสดุและชิ้นส่วนสะพานเบลีย์ เครื่องจักร/ยานพาหนะ เตรียมพร้อมสนับสนุนทุกหน่วยงานที่ในกรณีถนนหรือสะพานขาด นอกจากนี้ ยังกำชับให้ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และตั้งจุดให้บริการประชาชน จัดรถ Mobile Service ช่วยเหลือประชาชนกรณีรถเสียบนทางหลวง จัดรถบรรทุกไว้บริการรับส่งประชาชนในพื้นที่ประสบภัย รวมถึงให้บูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะปกติตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
สำหรับสถานการณ์ประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2564 เวลา 13.30 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ และสะพานชำรุด จำนวน 8 จังหวัด ( 21 สายทาง 45 แห่ง) โดยทางหลวงในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้แก่
1) จ.ขอนแก่น
2) จ.มหาสารคาม
3) จ.นนทบุรี
4) จ.สระบุรี
5) จ.อ่างทอง
6) จ.พระนครศรีอยุธยา
7) จ.สุพรรณบุรี
8) จ.นครสวรรค์
โดยทางหลวงที่มีระดับน้ำสูงได้แก่ ทล. 2 ท่าพระ – ขอนแก่น ระดับน้ำสูง 250 ซม. – ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ระดับน้ำสูง 155 ซม. ทล 3263 อยุธยา–ไผ่กองดิน ระดับน้ำสูง 180 ซม. และ ทล.340 สาลี-สุพรรณ ระดับน้ำสูง 125 ซม. ซึ่งมีการจราจรผ่านไม่ได้ 21 แห่ง ดังนี้
◾1. จ.ขอนแก่น (การจราจรผ่านไม่ได้ 5 แห่ง)
– ทล. 2 ท่าพระ – ขอนแก่น ช่วง กม.ที่ 329+913 (จุดกลับรถใต้สะพานกุดกว้าง) ระดับน้ำสูง 250 ซม.
– ทล. 12 ขอนแก่น – พรหมนิมิตร ช่วง กม.ที่ 565+600 (จุดกลับรถใต้สะพานข้ามลำน้ำพอง) ระดับน้ำสูง 60 ซม.
– ทล. 2065 พล – ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+625 น้ำกัดเซาะคันทางสไลด์
– ทล. 2065 พล – ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+785 น้ำกัดเซาะคันทางสไลด์
– ทล. 2131 บ้านสะอาด – เหล่านางงาม ช่วง กม.ที่ 6+800 – 8+800 ระดับน้ำสูง 50 -60 ซม. ใช้ทางเลี่ยงทางหลวง
– หมายเลข 2062 บ้านทุ่ม-มัญจาคีรี กม.0 ไปออกทางหลวงหมายเลข 12 บ้านฝาง-ขอนแก่น กม.540 เข้าเมืองขอนแก่น
◾2. จ.มหาสารคาม (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
– ทล.213 มหาสารคาม-หนองขอน ช่วง กม.5+530 (อุโมงค์ท่าขอนยาง) ลำน้ำชีล้นตลิ่ง มีระดับน้ำสูงขึ้น ผนังกั้นน้ำถูกกัดเซาะ ทำการปิดทางลอดอุโมงค์ใต้สะพาน
◾3. จ.นนทบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง)
– ทล. 302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 16+950 ระดับน้ำสูง 25-30 ซม. ใช้จุดกลับรถต่างระดับบางใหญ่ที่ กม.18+500 แทน
– ทล. 302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 17+000 ระดับน้ำสูง 25-30 ซม. ใช้จุดกลับรถใต้สะพานคลองบางไผ่ที่ กม.16+600 แทน
– ทล. 307 แยกสวนสมเด็จ-สะพานนนทบุรี ช่วง กม.ที่ 0+942 (จุดกลับรถใต้สะพานนนทบุรี) ระดับน้ำสูง 75 ซม.ใช้จุดกลับรถด้านหน้าแทน
◾4. จ.สระบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
– ทล.3034 หน้าพระลาน-บ้านครัว ช่วง กม.ที่ 13+500-15+800 เป็นช่วงๆ ระดับน้ำสูง 10 ซม.
◾️4. จ.อ่างทอง (การจราจรผ่านไม่ได้ 5 แห่ง)
– ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 32+607 (จุดกลับรถคลองกะท่อ) ระดับน้ำสูง 155 ซม.
– ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 33+200 (จุดกลับรถใต้ท่อ Box Cul.) ระดับน้ำสูง 85 ซม.
– ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 39+843 (จุดกลับรถวัดดอกไม้) ระดับน้ำสูง 30 ซม.
– ทล.33 นาคู-ป่าโมก ช่วง กม.ที่ 36+200-36+400 (สี่แยกไฟแดงป่าโมก) ระดับน้ำสูง 20 ซม.
– ทล.309 บางเสด็จ-แยกที่ดิน ช่วง กม.ที่ 52+200-53+000 ระดับน้ำสูง 20 ซม.
◾️ 5. จ.พระนครศรีอยุธยา (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง)
– ทล. 347 บางกระสั้น – บางปะหัน ช่วง กม.ที่ 40+860 (จุดกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา) ระดับน้ำสูง 45 ซม.ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
– ทล. 3263 อยุธยา – ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 10+940 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 180 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
– ทล. 3263 อยุธยา – ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 11+100 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 180 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
◾️ 6 จ.สุพรรณบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง)
– ทล. 33 สุพรรณบุรี – นาคู ช่วง กม.ที่ 9+886 (สะพานคลองทับน้ำ) ระดับน้ำสูง 80 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
– ทล. 340 สาลี – สุพรรณบุรี กม.ที่ 59+674 (สะพานศาลเจ้าแม่ทับทิม) ระดับน้ำสูง 125 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
◾️ 7. จ.นครสวรรค์ (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
– ทล. 1 บ้านหว้า – วังไผ่ ช่วง กม.ที่ 339+600 (จุดกลับรถใต้สะพานเดชาติวงศ์) ระดับน้ำสูง 55 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางหลวงเดินทางด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย พร้อมปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และหากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1