สถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์ที่ 27 ก.ย.-1 ต.ค. 64 และคาดการณ์สัปดาห์ที่ 4-8 ต.ค. 64 โดยทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

 

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก

  • Reuters รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบรวมของแองโกลาและไนจีเรีย ตั้งแต่เดือน ม.ค. – ก.ย. 64 ลดลง 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 2.55 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณต่ำกว่าโควตาที่ได้รับจากกลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) ที่ระดับ 2.83 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากการลงทุนด้านพลังงานฟอสซิลที่ลดลง รวมถึงการปิดซ่อมบำรุงแหล่งผลิตที่ยืดเยื้อจากปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19
  • จีนประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่เศรษฐกิจทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เนื่องจากราคาถ่านหินเพิ่มสูงขึ้น ผู้ผลิตถ่านหิน 60% – 70% ของจีนประสบภาวะขาดทุนเนื่องจากไม่สามารถผลักภาระให้ผู้บริโภคได้ โดยนายกรัฐมนตรีจีน นาย Li Keqiang ประกาศจะดำเนินการจัดหาพลังงานและไฟฟ้าให้เพียงพอ และจะรักษากิจกรรมทางเศรษฐกิจให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม
  • การประชุม Joint Technical Committee (JTC) ของกลุ่ม OPEC+ คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันในปี 2564 จะต่ำกว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำมัน (Deficit) ที่ระดับ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • นาย Greg Hill ประธานบริษัท Hess ของสหรัฐฯ คาดว่าภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 หรือไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับก่อนเกิดวิกฤต COVID-19

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ

  • EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ย. 64 เพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 418.5 ล้านบาร์เรล และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ก.ค. 64 เพิ่มขึ้น 31,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 11.31 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • Baker Huges รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ (Rig Count) ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค. 64 เพิ่มขึ้น 7 แท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 428 แท่น สูงสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 63
  • Kpler รายงานปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของภูมิภาคเอเชียเดือน ก.ย. 64 ลดลง 0.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 31.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเป็นช่วงเดือนเชื่อมต่อระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาว
  • บริษัท PetroChina และ Hengli Petrochemical ของจีนประมูลซื้อน้ำมันดิบจากคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) ของจีน ปริมาณรวม 4.43 ล้านบาร์เรล

แนวโน้มราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้าปิดตลาดเพิ่มขึ้น ตลาดคาดการณ์ว่าการประชุมของกลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) ในวันนี้ (4 ต.ค. 64) จะมีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ ในเดือน พ.ย. 64 ที่ระดับ 4 แสนบาร์เรลต่อเดือน คงเดิมจากข้อตกลงในเดือน ก.ค. 64 ที่ระดับ 4 แสนบาร์เรลต่อเดือนในช่วง ส.ค.-ธ.ค. 64 ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น อย่างไรก็ดีกลุ่ม OPEC+ ได้รับแรงกดดันจากประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก อาทิ สหรัฐฯ จีน และอินเดีย เรียกร้องให้ OPEC+ ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นให้ทันกับการฟื้นตัวของการใช้น้ำมันโลก เพื่อบรรเทาภาวะคาดแคลนพลังงานที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นต่อเนื่อง

ติดตามปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและไต้หวัน โดยกระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 64 (วันชาติจีน) จีนได้นำเครื่องบินกองทัพจำนวน 93 ลำ รุกล้ำเขตพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของเขตป้องกันภัยทางอากาศไต้หวัน (Air Defense Identification Zone: ADIZ) บริเวณหมู่เกาะปราตัส (Pratas Island) ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายสันติภาพในภูมิภาค และทางสหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้จีนหยุดใช้แรงกดดันทางทหาร การทูต และเศรษฐกิจของไต้หวัน ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังไม่ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว

ทางเทคนิคราคาน้ำมัน ICE Brent ในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 76 ถึง 83 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล