ก้าวสู่ปีที่ 60 กรมการพัฒนาชุมชน มุ่งมั่น “บําบัดทุกข์ บํารุงสุข” สร้างสรรค์ชุมชนเข้มแข็ง ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ก้าวสู่ปีที่ 60 กรมการพัฒนาชุมชน มุ่งมั่น “บําบัดทุกข์ บํารุงสุข” สร้างสรรค์ชุมชนเข้มแข็ง ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ทำให้ชุมชนมีความสุข และความเจริญก้าวหน้า มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

วันที่ 1 ตุลาคม 2564 นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานการจัดงานวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน ประจำปี 2564 โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการและลูกจ้างกรมการพัฒนาชุมชน หน่วยงานภาคี พร้อมด้วยสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ห้องสัมมนา 3003 ชั้น 3 กรมการพัฒนาชุมชน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เผยว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน ในโอกาสที่กรมการพัฒนาชุมชนก้าวย่างอย่างมั่นคงเข้าสู่ปีที่ 60 ขออัญเชิญพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 ความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ซึ่งชี้ให้เห็นว่า พระองค์ทรงมีพระราชปณิธานที่จะมุ่งมั่นทรงงานเพื่อความผาสุกของประชาชนทุกหมู่เหล่า ในฐานะข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนที่รับใช้งานใต้เบื้องพระยุคลบาทในการสนองงานตามพระปฐมบรมราชโองการ จึงต้องขยัน อดทน และทำตนให้เป็นที่รักของคนในชุมชนด้วยการพบปะ เยี่ยมเยียน สนับสนุน ให้การช่วยเหลือและติดตามงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น พัฒนาการจังหวัด และพัฒนาการอำเภอจึงต้องทำตนเป็นต้นแบบของพัฒนากร ด้วยการหมั่นศึกษาหาความรู้ ให้ทันสมัย เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์และยั่งยืน

กรมการพัฒนาชุมชนได้ขับเคลื่อนภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กล่าวคือ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการขับเคลื่อนกิจกรรม โครงการที่โดดเด่น ได้แก่ การน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาหมู่บ้าน “คนรักษ์ช้าง” ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สนับสนุน “โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์” การส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ลายผ้าพระราชทาน “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เรื่อง มาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา กรมการพัฒนาชุมชน” การขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และโครงการเสริมสร้างและพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลง

กรมการพัฒนาชุมชนได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการบริหารงานและปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ด้วยการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัว เสริมสร้างกองทุนชุมชนให้มีธรรมภิบาล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงแหล่งทุนของประชาชน ตลอดจนการสร้างและพัฒนาศักยภาพของผู้นำชุมชน ให้สามารถเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและให้ประชาชนมีความสุขรัฐบาลมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ คือ ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน และกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดเป็นคำขวัญที่สำคัญ และเข้าใจง่ายๆ คือ “บําบัดทุกข์ บํารุงสุข” ทั้งนี้ จากการทำงานหนักที่ผ่านมาตลอด 59 ปี กรมการพัฒนาชุมชนได้รับการยอมรับจากรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย โดยมอบหมายภารกิจสำคัญอยู่เสมอเช่น การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งกรมฯ ได้ศึกษาโดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์ทำให้มีความง่าย ท้าทาย และเป็นไปได้ในการปฏิบัติ เพื่อให้บุคลากรและผู้เกี่ยวข้องในงานพัฒนาชุมชน ใช้เป็นกรอบทิศทางในการปฏิบัติงานและตั้งเป้าหมาย โดยการกำหนดวิสัยทัศน์ของกรมการพัฒนาชุมชนว่า เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนพึ่งตนเองได้ในปี 2565

นายสมคิด จันทมฤก กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นวันแรกที่ผมเข้ามารับตำแหน่ง อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน อย่างเป็นทางการนี้ รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มาทำงานร่วมกับ พี่น้องชาว พช. ทุกท่าน คนกรมการพัฒนาชุมชนเป็นคนน่ารัก เป็นคนทำงานเพื่อประชาชนและให้เป็นที่ยอมรับจากประชาชน วิถีการทำงานของคน พช. ต่างจากกรมฯ อื่น ๆ และเป็นกรอบการทำงานของกรมฯ มาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2505 กรมฯ มีการเปลี่ยนบทบาทในทุก ๆ ช่วงของการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ซึ่งในช่วงแรกเน้นเรื่องของพลังชุมชนแล้วปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องของการพัฒนาชนบท และปรับเปลี่ยนเป็นกระบวนการออกไปพบปะพี่น้องประชาชนและประชาคมแทน จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการทำงานในปี 2565 นี้ กรมฯ จะเดินไปในทิศทางไหน เราต้องร่วมกันพูดคุย หารือ ร่วมกับผู้บริหารกรมฯ ผมพร้อมเรียนรู้ไปพร้อมกับพวกท่าน พร้อมปรับตัวและแก้ปัญหาไปด้วยกัน ทุกปัญหาย่อมมีทางออก หวังว่าผู้บริหารทุกท่านจะร่วมมือกันในการทำงาน เราก้าวมาสู่ปีที่ 60 เริ่มปี 2565 จะเป็นปีที่เราได้เดินทางไปพร้อมกัน ขอให้ข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี ทุ่มเท เสียสละ อดทน และจริงใจทำงานเพื่อประชาชนให้มีความอยู่ดีมีความผาสุกและมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงช่วยกันทำให้เกิดผลงานที่มีคุณค่าและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ ในฐานะอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คนที่ 30 ขอส่งกำลังใจให้กับข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชน พนักงาน ลูกจ้าง ภาคี เครือข่าย ผู้นำองค์กรทุกท่านที่ได้เสียสละทุ่มเท เพื่อขับเคลื่อนงานตามภารกิจพัฒนาชุมชนให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวทิ้งท้าย