แพทย์แผนไทยชูรายการอาหารจากเครื่องแกงและน้ำพริกของไทย ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ เนื่องในวันหัวใจโลก

 

แพทย์แผนไทย ชูรายการอาหารจากเครื่องแกง เช่น แกงป่า, แกงส้ม, แกงเลียง, น้ำพริก และน้ำสมุนไพรไทย ช่วยควบคุมไขมันและน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องในวันหัวใจโลก (World Heart Day)
นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า วันที่ 29 กันยายน ของทุกปี คือ วันหัวใจโลก (World Heart Day) ทั่วโลกตระหนักและให้ความสำคัญกับโรคหัวใจ ซึ่งเป็นโรคที่มีสาเหตุ การตายอันดับ 1 ของประชากรโลก และโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable diseases : NCDs) ที่มีสาเหตุสำคัญมาจากการมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันสูง เช่น อาหาร junk food, ชาเย็นและ กาแฟเย็น ฯลฯ หากประชาชนไม่ป้องกันหรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าว อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพจากโรคดังกล่าวได้

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จึงขอแนะนำสมุนไพรที่เป็นส่วนผสมอยู่ในเครื่องแกงและน้ำพริก ของไทย ซึ่งมีสรรพคุณช่วยย่อย เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยควบคุมไขมันและน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ กระเทียม, ข่า, ตะไคร้, หอมแดง, กระชาย, พริกไทย และขิง ซึ่งสามารถนำมา ปรุงเป็นอาหารได้หลายรายการ เช่น แกงป่า, แกงส้ม, แกงเลียง และน้ำพริกต่างๆ เช่น น้ำพริกหนุ่ม, น้ำพริกอ่อง, น้ำพริกปลาทู และน้ำพริกมะขามป้อม เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มสมุนไพรไทยที่ช่วยควบคุมไขมันในเลือดได้ คือ น้ำหรือชากระเจี๊ยบแดง วิธีทำ โดยนำกลีบดอกกระเจี๊ยบแดงแบบแห้งหรือผงขนาด 2 – 3 กรัม ชงในน้ำร้อน 120 – 200 มิลลิลิตร ทิ้งไว้ 3- 5 นาที รับประทานวันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร จากการศึกษาวิจัยพรีคลินิก พบว่า กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ลดความดันและไขมันในเลือด โดยเฉพาะไขมันชนิดที่ไม่ดีต่อร่างกาย (LDL) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) และน้ำตรีผลา ซึ่งประกอบด้วยสมอไทย สมอพิเภก และมะขามป้อม ในอัตราส่วน 1:1:1 รูปแบบและวิธีการใช้ ทำได้เช่นเดียวกันกับกระเจี๊ยบแดง จากการศึกษาวิจัยทั้งในห้องปฏิบัติการ ในสัตว์ทดลอง และในมนุษย์ได้ผลออกมาในทิศทางเดียวกันคือ ตรีผลา สามารถลดระดับไตรกลีเซอไรด์, ไขมันชนิดที่ไม่ดีต่อร่างกาย (LDL) และไขมันโดยรวมได้ แม้ว่าอาจจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย คือ อาการถ่ายเหลว เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ แต่ไม่มีรายงานความเป็นพิษต่อตับและไต

นายแพทย์ขวัญชัย กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากสมุนไพรในเครื่องแกง รายการอาหาร และน้ำสมุนไพรที่แนะนำแล้ว ยังต้องรู้จักปรับพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดควบคู่กันไปด้วย โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดการสูบบุหรี่ งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำกัดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยหรือการใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรค ให้ปรึกษาแพทย์แผนไทยในสถานบริการสุขภาพของรัฐได้ทั่วประเทศ หรือติดต่อโดยตรงที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หมายเลขโทรศัพท์ 0 2149 5678 หรือช่องทางออนไลน์ที่เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/dtam.moph และ ไลน์แอดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก line@DTAM

………………………………. 29 กันยายน 2564………………………………..