“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ เรือนจำจังหวัดสุโขทัย พ้นจากการระบาดเพิ่มวันนี้ ขณะที่อีก 4 แห่งจะสิ้นสุดการระบาดเพิ่มภายในสัปดาห์นี้”

ในวันที่ 13 กันยายน 2564 เวลา 08.30 น. ศาตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 70/2564 โดยมีนางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษก ศบค.ยธ. นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ มีเรือนจำที่พ้นจากการระบาดเพิ่ม 1 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดสุโขทัย ขณะที่ไม่พบเรือนจำระบาดใหม่ในวันนี้ ส่งผลให้เรือนจำสีแดงลดลงอยู่ที่ 32 แห่ง และเรือนจำสีขาว 110 แห่ง

ขณะที่วันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 163 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 103 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 60 ราย) รักษาหายเพิ่ม 74 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,714 ราย (กลุ่มสีเขียว 86.7% สีเหลือง 13% และสีแดง 0.3%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 546 ราย (รวมทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์) ปริมณฑล 147 ราย และต่างจังหวัด 5,021 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 55,662 ราย หรือ 88.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 63,087ราย เสียชีวิตสะสม 133 ราย คิดเป็นอัตรา 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานในการประชุมเช้าวันนี้ ได้กำชับผู้บริหารสถานที่ควบคุมทุกแห่งให้บริหารจัดการความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพใน 5 ด้าน คือ

1. การบริหารจัดการพื้นที่

2. การบริหารจัดการเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง

3.การบริหารจัดการด้านกระบวนการดำเนินงาน

4. การบริหารทรัพยากร

5. การบริหารจัดการข้อมูล

เพื่อให้สามารถป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ พร้อมเน้นย้ำการรักษามาตรฐานในการกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอก และการตรวจหาเชื้อในเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าปฏิบัติงานในเรือนจำที่ยังไม่มีการแพร่ระบาด รวมทั้งการระมัดระวังตนเอง ไม่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง การเว้นระยะห่างระหว่างกัน การสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องตลอดเวลา และการหมั่นล้างมือ/ฆ่าเชื้ออยู่เสมอ รวมถึงการดูแลรักษาผู้ต้องขังในเรือนจำที่พบการระบาดแล้ว ที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว และถูกต้องตามมาตรฐานทางการแพทย์

ทั้งนี้ ในส่วนของบริหารจัดการวัคซีนแก่ผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่ได้รับวัคซีนแล้ว จำนวน 118,091 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 68,637 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 49,454 ราย ซึ่งเป็นวัคซีนจากกรมควบคุมโรค วัคซีนพระราชทาน และจากโรงพยาบาลแม่ขาย/สำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการจัดสรรจากกรมควบคุมโรคเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการฉีดแก่ผู้ต้องขังที่เหลืออีกกว่า 2 แสนราย ซึ่งคาดว่าจะได้รับวัคซีนทั้งหมดภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์เพื่อฉีดเป็นเข็มที่ 1 รวมทั้งเข็มที่ 2 ในระยะต่อไป โดยจะเริ่มทยอยฉีดได้ตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์นี้เป็นต้นไปจนกว่าจะครอบคลุมผู้ต้องขังทุกราย และในส่วนของผู้ต้องขังที่พ้นโทษภายหลังจากที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จากเรือนจำหรือทัณฑสถานไปแล้ว สามารถติดต่อเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตามกำหนดได้ที่โรงพยาบาลแม่ข่ายตามปกติ

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์การระบาดในระยะนี้ ถือว่าดีขึ้นค่อนข้างมากจากช่วงที่ผ่านมา นอกจากไม่พบการแพร่ระบาดในเรือนจำแห่งใหม่ต่อเนื่องนานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ยังมีเรือนจำที่พ้นจากการระบาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีเรือนจำที่สามารถลดการระบาดและอยู่ในแผนการสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือ EXIT จำนวน 28 แห่ง ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีมากถึง 18 แห่ง ที่จะ EXIT ได้ภายในเดือนนี้ โดยเฉพาะเรือนจำอำเภอแม่สอด ทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา เรือนจำกลางขอนแก่น และเรือนจำกลางสมุทรสงคราม ที่จะทยอย EXIT ได้ภายในสัปดาห์นี้

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2564 มีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว จำนวน 8 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 5 ราย และเยาวชน 3 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 48 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 8 แห่ง แยกเป็นติดเชื้อ 6 แห่ง และหมดสถานะสีขาว 2 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นเป็น 299 ราย หรือคิดเป็น 7.49% จากทั้งหมด 3,990 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนคงที่ที่ 3,795 ราย หรือคิดเป็น 86.74% จากทั้งหมด 4,375 ราย

///////////////////////////////////////////