วันที่ 10 กันยายน 2564 นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบหมายให้ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย นายคมกริช ชินชนะ พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี ประสานความร่วมมือกับ นายอัมพร วาภพ ผู้นำอาสาพัฒนาบ้านเกิดระดับจังหวัด จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมการประชุมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ซึ่งได้จัดเวทีสรุปบทเรียนการสนับสนุนการพัฒนาครูและเด็กนอกระบบการศึกษาโดยเครือข่ายเชิงพื้นที่ : ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีผู้รับผิดชอบโครงการ ตัวแทนครูพี่เลี้ยงและเด็กนอกระบบกว่า 50 คน เข้าร่วมนำเสนอข้อค้นพบและชุดประสบการณ์รายโครงการ ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Cloud Meeting
ในโอกาสนี้ นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พร้อมทั้งคณะอนุกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และทีมวิชาการร่วมให้ข้อเสนอแนะแก่ นายอัมพร วาภพ ผู้นำอาสาพัฒนาบ้านเกิดระดับจังหวัด จังหวัดอุบลราชธานี และผู้จัดการ หจก.ข้าวโฮยเกลือสตูดิโอ วิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งเป็นองค์กรผู้รับทุนการดำเนินงานการพัฒนาเด็กนอกระบบการศึกษา โดยได้ก่อตั้งในปี 2561 เพื่อให้การทำงานบริการสังคม การจัดอบรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐานการเรียนรู้ทั้งการศึกษาและใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ภายใต้ศูนย์การเรียนรู้ “เฮือนฮ่วมแฮง” ที่ตำบลหนองบัวฮี อำเภอพิบูลมังสาหาร ในพื้นที่ 12.5 ไร่ ในการสร้างแรงบัลดาลใจ แลกเปลี่ยนความรู้ โดยใช้พลังเครือข่ายที่มีความรู้ ความสามารถทั้งด้านงานช่าง งานเกษตร งานผลิตสื่อ ภูมิปัญญาชุมชน และศิลปะ ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสาให้กับกลุ่มบุคคล หน่วยงานที่สนใจมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “ฮ่วมแฮง” คือ “ร่วมแรง”
จากนั้นในปี 2563-2564 หจก.ข้าวโฮยเกลือสตูดิโอ วิสาหกิจเพื่อสังคม ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อดำเนินการพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะอาชีพเด็กนอกระบบการศึกษาจำนวน 800 คน ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้สัมมาชีพชุมชนเพื่อเด็กนอกระบบ พัฒนาศักยภาพแกนนำเด็กนอกระบบ แกนนำชุมชน ครูพี่เลี้ยงให้เป็นวิทยากรกระบวนการ และผู้ดูแลสอดส่องปกป้องเด็กจากภัยของสังคมและอบายมุขจำนวน 126 คน โดยมี ศูนย์การเรียนรู้ ฯ เฮือนฮ่วมแฮง เป็นพื้นที่ปลอดภัย สร้างสรรค์ ของเด็กเยาวชนที่ขาดโอกาสได้เข้ามาเรียนรู้ ค้นหาความสามารถของตนเอง
จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาคน พัฒนาชุมชน โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาสัมมาชีพชุมชนและเด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษา ผู้ด้อยโอกาส ครัวเรือนยากจนในชุมชน จึงแต่งตั้งนายอัมพร วาภพ เป็นผู้นำอาสาพัฒนาบ้านเกิดระดับจังหวัด ในปี 2563 และผู้ทรงคุณวุฒิ โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” จังหวัดอุบลราชธานี และสนับสนุนทรัพยากรความรู้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยใช้งบประมาณจังหวัด เช่น การขยายเขตไฟฟ้า ผลักดันความร่วมมือการพัฒนาในมิติต่างๆ จนได้มีการเปิดศูนย์การเรียนรู้สัมมาชีพชุมชนและเด็กนอกระบบการศึกษาโดยนายนายฤทธิสรรค์ เทพพิทักษ์ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร และมอบเกียรติบัตรผู้ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาครูพี่เลี้ยงและเด็กนอกระบบการศึกษา โดยนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี จนการดำเนินงานของโครงการฯ ได้เสร็จสมบูรณ์บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
นายคมกริช ชินชนะ พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี ได้กล่าวถึงความร่วมมือในกลไกการทำงานของมหาดไทยว่า “กรมการพัฒนาชุมชน โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี ได้เข้ามาส่งเสริมสนับสนุน ถ่ายทอดองค์ความรู้ และให้คำแนะนำในด้านต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ฯ ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” โดยเริ่มต้นจากการใช้งบประมาณส่วนตัว และความร่วมมือจิตอาสาของภาคราชการ ท้องถิ่นในพื้นที่จนเป็นสถานที่สำหรับศึกษาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ในด้านอาชีพเกษตร ปศุสัตว์ และการประมง” จนกระทั่ง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญ และมอบหมายให้มีการถอดบทเรียนเพื่อเผยแพร่แนวคิดการดำเนินงานดังกล่าว โดยมุ่งหวังให้เกิดขยายผลการดำเนินงาน 1 อำเภอ 1 ศูนย์การเรียนรู้ทั่วประเทศ เนื่องจากสอดคล้องกับแนวนโยบายของกรมการพัฒนาชุมชน ที่ต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้อยู่ดีกินดีในระดับเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัว ได้พึ่งพาตนเองด้วยสัมมาชีพ อันจะส่งผลให้เด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษา ได้กลับเข้าสู่การเรียน การมีงานทำและมีกิจกรรมดี ๆ ที่สร้างสรรค์ตามรูปแบบศูนย์การเรียนรู้ ฯ เฮือนฮ่วมแฮง ศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาสัมมาชีพชุมชนและเด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษา ศูนย์การเรียนรู้“เฮือนฮ่วมแฮงโมเดล” แม้จะเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นจากดำเนินโครงการฯ การในพื้นที่เล็ก ๆ ระดับอำเภอ แต่มีทรัพยากร และพื้นที่กายภาพที่มีความพร้อม มีองค์ความรู้เรื่องการฝึกอบรมกว่า 50 เรื่อง มีบทเรียนการดำเนินงาน และเครือข่ายครูพี่เลี้ยง (ครู คลัง ช่าง หมอ) ทางสำนักงานพัฒนาชุมชนจึงได้เข้าร่วมดำเนินงาน และประสานความร่วมมือภาคท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ได้ดำเนินงานด้วยจิตอาสา เอามื้อสามัคคีในหลายครั้ง เพื่อให้เกิดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องแม้จบโครงการฯ ไปแล้ว” นายคมกริช ชินชนะ กล่าว
ทางด้านนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี ได้เปิดเผยว่า “สำหรับศูนย์การเรียนรู้ “เฮือนฮ่วมแฮง” ที่ผ่านมา จังหวัดอุบลราชธานี ได้สนับสนุนทรัพยากรความรู้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยใช้งบประมาณจังหวัด เช่น ระบบการขยายเขตไฟฟ้า ผลักดันความร่วมมือการพัฒนาในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะงานพัฒนาเด็กและเยาวชน ที่มีการเปิดศูนย์การเรียนรู้สัมมาชีพชุมชนและเด็กนอกระบบการศึกษา โดยมี นายฤทธิสรรค์ เทพพิทักษ์ นายอำเภอพิบูลมังสาหารและผมเอง ที่ได้ลงนามมอบเกียรติบัตรผู้ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาครูพี่เลี้ยงและเด็กนอกระบบการศึกษาและติดตามหนุนเสริม เติมพลังใจให้คณะทำงานจนการดำเนินงานของโครงการฯ ได้เสร็จสมบูรณ์บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้”
รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ยังได้กล่าวต่ออีกว่า “ในอนาคตผมอยากให้ศูนย์แห่งนี้เกิดความเข้มแข็ง เกิดวิสาหกิจเพื่อสังคม “เฮือนฮ่วมแฮงโมเดล” โดยใช้แนวคิดในการสร้างพื้นที่ทางกายภาพ “โคก หนอง นา” ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” เป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาชุมชน และเด็กนอกระบบการศึกษา ให้มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสร้างกลไกการทำงานจิตอาสา โดยประสานความร่วมมือภาคธุรกิจ สถานประกอบการ รวมถึงบริษัทประชารัฐรักสามัคคี ที่ดำเนินงานไม่แสวงหากำไรในการบ่มเพาะ “สัมมาชีพชุมชนและเด็กนอกระบบการศึกษา” เพื่อให้คนในพื้นที่ใกล้เคียและคนในชุมชน เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและการสร้างความมั่นคงทางอาหาร สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ในงานพัฒนาชุมชน และ “โคก หนอง นา พช.” ในการสร้างทางรอดในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ควบคู่ไปพร้อมกัน ซึ่งผมอยากให้ทางกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กสศ. ได้สนับสนุนศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ และผลักดันให้เกิดศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่อื่น ๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป” นายศุภศิษย์ กล่าวทิ้งท้าย
#WorldSoilDay
#GlobalSoilPartnership
#UNFAO
#CDD
#SEPtoSDGs
#SDGforAll@Kmitl
#กรมการพัฒนาชุมชน
อุบลราชธานี เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี : งานประชาสัมพันธ์ สพจ.อุบลราชธานี ภาพข่าว/รายงาน