คปภ. เร่งรัดประกันจ่ายค่าสินไหมฯ กรณีรถเครนซ่อมไฟฟ้าพุ่งชนรถกระบะเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ บาดเจ็บ 9 ราย ที่จังหวัดเพชรบูรณ์

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกส่วนบุคคล ลักษณะรถเครนซ่อมไฟฟ้า (ติดตั้งเครื่องทุ่นแรง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด เบญศกรเอ็นจิเนียริ่ง หมายเลขทะเบียน 82-3634 ศรีสะเกษ เสียหลักหลุดโค้งพุ่งชนกับรถยนต์ส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน บห-6143 เพชรบูรณ์ บริเวณทางหลวงหมายเลข 12 ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 9 ราย บาดเจ็บ 9 ราย เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นได้ สั่งการ สำนักงาน คปภ. จังหวัดเพชรบูรณ์ ตรวจสอบและลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยอย่างใกล้ชิด ตลอดจนติดตามเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อเยียวยาความสูญเสียโดยเร็ว

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสำนักงาน คปภ. ภาค 3 (ขอนแก่น) และ สำนักงาน คปภ. จังหวัดเพชรบูรณ์ ติดตามบริษัทประกันภัยเพื่อเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตมีการทำประกันชีวิตหรืออุบัติเหตุส่วนบุคคลประเภทอื่นๆไว้ด้วยหรือไม่ เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้ง 9 ราย และผู้บาดเจ็บ อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นจาก สำนักงาน คปภ. จังหวัดเพชรบูรณ์ ว่า รถบรรทุกส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน 82-3634 ศรีสะเกษ ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท เอเชียประกันภัย จำกัด (มหาชน)กรมธรรม์เลขที่ 16611AC0/6105/07216 เริ่มความคุ้มครอง วันที่ 23 พฤษภาคม 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน บห-6143 เพชรบูรณ์ ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ 180401/M007907295 เริ่มความคุ้มครองวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 สิ้นสุดความคุ้มครอง 6 พฤศจิกายน 2562 โดยกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ กรณีความเสียหายต่อร่างกายหรืออนามัย จำนวน 80,000 บาทต่อคน กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร จำนวน 300,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะตามเงื่อนไขกรมธรรม์ฯ จำนวน 200,000 – 300,000 บาทต่อคน นอกจากนี้ยังได้รับการชดเชยรายวันกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ใน จำนวน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน

สำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 9 ราย และผู้บาดเจ็บ นั้น สำนักงาน คปภ. จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดและรายงานความคืบหน้า ว่า สำนักงาน คปภ. เพชรบูรณ์ ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถ (ชั่วคราว) ภายในโรงพยาบาลหล่มสัก เพื่ออำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการออกเอกสารรับรองต่างๆ ให้กับญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนี้ ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหล่มสักและโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ สำนักงาน คปภ. เพชรบูรณ์ ได้เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้งหมดแล้ว และได้แจ้งสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตลอดจนติดตามเร่งรัดบริษัทประกันภัยเพื่อจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม นอกจากนี้ยังได้เร่งตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่นๆ ให้กับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ อีกด้วย

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในครั้งนี้ อุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ และควรหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ และกรมธรรม์ประกันภัยอื่นๆ เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยง และเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย