จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดประชุมคณะกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด แบบผสมผสานผ่านระบบออนไลน์

วันที่ 30 สิงหาคม 2564 เมื่อเวลา 09.30 น ที่ห้องประชุมอโยธยา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุมคณะกรมการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 8/2564 โดยมี คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมประชุมฯ พร้อมด้วย หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้นำองค์กรเอกชน ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและการแก้ปัญหาสำคัญของพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประจำเดือนสิงหาคม 2564

โดยก่อนเริ่มการประชุม ประธานฯ ได้มอบรางวัลให้แก่ผู้สมควรได้รับรางวัลกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ยอดเยี่ยม ประจำปี 2564 ที่มีผลงานดีเด่น ประกอบด้วย รางวัลกำนันยอดเยี่ยม ได้แก่ นายธวัชชัย นิมา กำนันตำบลคลองพระยาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง นายสงวนศักดิ์ ไวยสุทธา กำนันตำบลบ้านโพ อ.บางปะอิน และนายชวัลวิทย์ คงสมฤทธิ์ กำนันตำบลระโสม อ.ภาชี และรางวัลผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยม ได้แก่ นายภุคพล สุธุธรรม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.บางซ้าย อ.บางซ้าย นายเพ็ญ พยัฆโช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.คานหาม อ.อุทัย และนางปิยนุช บังเกิดฤทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน จากนั้น ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่หมู่บ้านต้นแบบประชาธิปไตยดีเด่น ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ บ้านตาลาน หมู่ที่ 1 ต.บ้านใหญ่ อ.ผักไห่ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 บ้านอู่ตะเภา หมู่ที่ 4 ต.มารวิชัย อ.เสนา รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 บ้านหมู่ใหญ่ หมู่ที่ 4 ต.คู้สลอด อ.ลาดบัวหลวง และรางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่ บ้านบางพลี หมู่ที่ 3 อ.บางปะหัน บ้านหลวง หมู่ที่ 4 อ.บางบาล และบ้านสามเรือน หมู่ที่ 4 อ.ท่าเรือ โดยประธาน ได้แสดงความยินดีกับผู้ได้รางวัลทุกท่าน และขอให้รักษาคุณงามความดีนี้ไว้เป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานต่างๆต่อไป

จากนั้น ได้แนะนำหัวหน้าส่วนราชการที่ย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ จำนวน 2 ท่าน ประกอบด้วย นางสาวภิรมย์ลักษณ์ โกสิลา ย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายภัทรพงษ์ เก่าเงิน ย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยที่ประชุมได้ติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและการแก้ไขปัญหาสำคัญในพื้นที่ ประกอบด้วย นโยบายด้านเศรษฐกิจ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 และผลการดำเนินงาน ”โครงการรถโมบาย พาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน” ด้านสังคมและความมั่นคง ได้รายงานผลการปฏิบัติที่สำคัญของศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัด ด้านสิ่งแวดล้อม ได้รายงานผลการขับเคลื่อนและความก้าวหน้าของการบริหารจัดการคัดแยกขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และด้านการบริหารจัดการ เกี่ยวกับการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประกอบด้วย สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การบริหารจัดการวัคซีนโควิด ผลการดำเนินงานของสายด่วน Call Center ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอยุธยา รวมทั้งผลการปฏิบัติการใช้จ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

นอกจากนี้ มีประเด็นการประชาสัมพันธ์ เหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอเชิญชวนร่วมบริจาคโลหิต ในวันที่ 7 ก.ย. ที่ว่าการอำเภอมหาราช วันที่ 16 ก.ย. ที่ว่าการอำเภอผักไห่ และวันที่ 21 ก.ย. ที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ต้องได้รับการรักษา เนื่องจากสภากาชาดไทยเกิดภาวะขาดแคลนโลหิตขั้นวิกฤต อีกทั้งรายงานผลการประกวดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ปลาตะเพียนหอมใบลานสาน โดย KBO ซึ่งขณะนี้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านเข้ารอบ 2 (รอบ 8 จังหวัด) และการส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายของดีของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่านช่องทาง offline และ online อีกทั้งได้แนะนำผลิตภัณฑ์ OTOP ของดีจากอำเภอบางบาล เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตภัณฑ์ต่อไป อีกทั้ง กิจกรรมส่งเสริมการออม “เงินเหรียญไม่ใช้ ให้หนูดีกว่า” การรายงานผลการดำเนินงานนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว ตามมติ ครม. ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 และการจัดกิจกรรม “Kick off ฟ้าละลายโจร 1 ล้านต้น สู่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน” ภายใต้โครงการขับเคลื่อนสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ต้านภัยโควิด-19 ในวันที่ 1 กันยายน นี้

นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การคัดแยกขยะที่ต้นทาง เป็นวิธีการบริหารจัดการที่จะช่วยให้พื้นที่ท้องถิ่นมีความสะอาดขึ้นอย่างมีคุณค่า เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว หรือเป็นสวัสดิการชุมชน เพื่อลดปริมาณขยะของท้องถิ่น รวมทั้งลดค่าจัดเก็บ ดังนั้น ถ้าทุกท้องถิ่นได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จังหวัดเราจะเป็นเมืองที่สะอาด โดยขอให้นายอำเภอดำเนินการกระตุ้นการปฏิบัติควบคู่ไปกับการป้องกันโควิด-19 ให้สมกับ “อยุธยาเป็นเมืองมรดกโลก” รวมทั้งขอให้ท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อดำเนินโครงการจัดการขยะควบคู่ไปกับการจัดการระบบบำบัดน้ำเสียอย่างจริงจัง และให้แต่ละอำเภอบริหารจัดการวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย 608 ให้สอดคล้องและสัมพันธ์กับการดำเนินการเชิงรุก ทั้งนี้ ให้แต่ละอำเภอศึกษาข้อกำหนดต่างๆตามมาตรการของ ศปก.มท อย่างละเอียด และนำไปปฏิบัติด้วย และเนื่องจากเดือนกันยายนนี้ ผู้ว่าฯ จะครบวาระเกษียณอายุราชการ จึงของดรับสิ่งของใดๆจากทุกท่าน พร้อมเชิญชวนร่วมสนับสนุนหนังสือ “บางเรื่องที่อยากเล่า 2 บุรี กับ 1 พระนคร” ในราคาเล่มละ 300 บาท รายได้ทั้งหมด(ไม่หักค่าใช้จ่าย) จะมอบให้ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ฯต่อไป

ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เว็บไซต์ http://pr.prd.go.th/ayutthaya