กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ร่วมกับผู้ประกอบการรถตู้ สนับสนุนในการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับการรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย (กลุ่มสีเขียว) ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด ที่มีความประสงค์อยากกลับมารักษาตัวที่บ้าน ผ่าน “รถตู้ปันสุข” พร้อมสร้างมาตรฐานและข้อปฏิบัติของพนักงานขับรถของ รถตู้ปันสุข..ร่วมด้วยช่วยกันรับส่งผู้ป่วยโควิด..ปลอดภัย
นายแพทย์ชาตรี เมธาธราธิป ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ขณะนี้ ส่งผลทำให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระจายทั่วทุกพื้นที่ของประเทศนั้น จากสถานการณ์ดังกล่าว อธิบดีกรมอนามัย (นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย) มีความห่วงใยจึงได้มอบหมายให้ศูนย์อนามัยเข้าร่วมกับท้องถิ่นและชุมชน ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่หนัก (กลุ่มสีเขียว) เข้ารับการดูแลและให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยในการกักตัวที่บ้านหรือชุมชน
โดยในส่วนของศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ได้มีการเข้าร่วมในการจัดทำรถตู้ปันสุข..ร่วมด้วยช่วยกันรับส่งผู้ป่วยโควิด..ปลอดภัย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการรถตู้ภาคเอกชน ที่ได้สนับสนุนในการดัดแปลงรถให้เหมาะสมกับการรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย (กลุ่มสีเขียว) ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด ที่มีความประสงค์อยากกลับมารักษาตัวที่บ้าน ผ่านคิวที่มีชื่อว่า “รถตู้ปันสุข” โดยมีพนักงานขับรถเข้าร่วมอบรมในการปฏิบัติตัวและป้องกันโรคเมื่อออกไปรับผู้ป่วย ประสานงานไปยังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 7 ขอนแก่น ผ่าน call center 1330 ในการรับผู้ป่วยจากกรุงเทพมหานคร ไปยัง 4 จังหวัดปลายทาง ซึ่งต้องมีการยืนยันเตียงรองรับจากพื้นที่ก่อนรับส่งผู้ป่วยทุกครั้ง
นายแพทย์ชาตรี กล่าวต่อไปว่า มาตรฐานของรถตู้ปันสุข..ร่วมด้วยช่วยกันรับส่งผู้ป่วยโควิด..ปลอดภัย ได้กำหนดข้อปฏิบัติของพนักงานขับรถ ดังนี้
1) พนักงานขับรถและผู้ช่วยทุกคนต้องผ่านการตรวจโควิด ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และได้รับการอบรมตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ ก่อนให้บริการ
2) ในการรับ-ส่ง ควรมีเพียงพนักงาน ขับรถยนต์เพียง 1 คน หรือมีผู้ช่วยอีก 1 คน โดยทุกคนต้องสวมหน้ากาก N95 และสวม Face Shield สวมถุงมือยาง สวมรองเท้า สวมชุดและอุปกรณ์ป้องกันตัวเองจากการสัมผัสเชื้อตลอดเวลาที่ให้บริการ
3) ในการนำส่งผู้ป่วยต้องเป็นผู้ป่วยที่ยังไม่มีอาการที่ได้รับแจ้งจากศูนย์บัญชาการ และต้องมีโรงพยาบาลปลายทางเตรียมพร้อมรับผู้ป่วยเท่านั้น โดยมีเอกสารนำส่งผู้ป่วยจากต้นทางไปยังโรงพยาบาลปลายทางที่ระบุรายละเอียดชัดเจน โดยไม่ให้ผู้ป่วยลงจากรถขณะแวะพักระหว่างทาง และให้ถึงโรงพยาบาลเป้าหมายโดยเร็วที่สุด ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในการจราจรและการป้องกันโรค
“ทั้งนี้ สำหรับการติดต่อกับผู้ป่วยระหว่างเดินทางจะใช้การสื่อสารทางโทรศัพท์หรืออุปกรณ์สื่อสารเท่านั้น ห้ามเปิดประตูพูดคุยหรือสัมผัสในระหว่างการเดินทาง หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ ให้แจ้งประสานไปที่ศูนย์บัญชาการ ที่เบอร์ 1330 หรือ 1669 เพื่อประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง และถ้ามีอาการสงสัยให้แยกกักตัวตามมาตรการ การกักกันโรคจากคนในครอบครัว ชุมชน อย่างเคร่งครัด” ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น กล่าว
***
กรมอนามัย / 24 สิงหาคม 2564