กรมควบคุมโรค ขอเผยแพร่ “พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์” ฉบับที่ 29/2564 ประจำสัปดาห์ที่ 34 (วันที่ 22 – 28 ส.ค. 64)

“จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคเมลิออยโดสิส (melioidosis) ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-18 ส.ค. 64 พบผู้ป่วยจำนวน 1,426 ราย เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน ได้แก่ อายุ 55-64 ปี รองลงมาคือ 45-54 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี โดยพบมากในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ พบในกลุ่มอาชีพเกษตรกรมากที่สุด”

“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้จะมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิส เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรคนี้พบมากในช่วงฤดูฝน โดยผู้ป่วยมักได้รับเชื้อที่อยู่ในดินและน้ำ สามารถติดต่อได้ 3 ทาง คือ

1.ผ่านทางบาดแผลบนผิวหนัง

2.หายใจเอาฝุ่นจากดินหรือน้ำที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป

3.ดื่มหรือกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป และพบว่าระยะฟักตัวของเชื้อ คือ 1-21 วัน บางรายอาจนานเป็นปี ผู้ป่วยจะมีอาการหลากหลาย ทั้งการติดเชื้อเฉพาะที่และการติดเชื้อแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะ มักมาพบแพทย์ด้วยอาการไข้ บางรายมีอาการไม่ต่างจากโรคปอดบวมรุนแรง บางรายมีอาการคล้ายๆ กับวัณโรค อาการสำคัญคือ ติดเชื้อในกระแสเลือด มีทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ผู้ป่วยมีอาการเริ่มต้นด้วยอาการไข้ คล้ายโรคติดเชื้อหลายโรค เช่น สครัปไทฟัส มาเลเรีย ไทฟอยด์ ไข้เลือดออก

ดังนั้น การตรวจทางห้องปฏิบัติการจึงมีความสำคัญมาก กรมควบคุมโรค ขอแนะนำผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโรคเมลิออยโดสิส ได้แก่ ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกร ที่ต้องทำงานสัมผัสกับดินและนํ้าที่ปนเปื้อนเชื้อ หรือการสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อโรคนี้อยู่ในร่างกาย เช่น แมว สุนัข หมู ม้า วัว ควาย แกะ หรือแพะ เป็นต้น วิธีการป้องกันโรคเมลิออยโดสิส ได้แก่

1.ผู้ที่มีบาดแผลให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นขอให้สวมรองเท้าบูท ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำและรีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและสบู่

2.หากมีบาดแผลที่ผิวหนัง ควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท

3.ทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำต้มสุก

4.หลีกเลี่ยงการสัมผัสลมฝุ่น และการอยู่ท่ามกลางสายฝน

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรคโทร. 1422”

*******************************************************

ข้อมูลจาก : ทีม SAT / สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

วันที่ 22 สิงหาคม 2564