ฝนหลวงฯ มุ่งมั่นทำฝนช่วยเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

​​วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.30 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ในขณะนี้สภาพอากาศในประเทศไทยมีฝนน้อยลง ทำให้น้ำต้นทุนที่ใช้ในพื้นที่การเกษตร และพื้นที่ลุ่มรับน้ำยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน โดยจากแผนที่อากาศผิวพื้นของกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อเวลา 01.00 น. พบว่ามีหย่อมความกดอากาศต่ำอยู่บริเวณช่องแคบมะละกา เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย จากลักษณะนี้จะส่งผลให้ภาคใต้มีปริมาณฝนตกมากขึ้น โดยเฉพาะทางบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีโอกาสเสี่ยงที่จะมีฝนตกหนักและได้ฝากเตือนประชาชนบริเวณดังกล่าว ให้ติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด ส่วนฝั่งทะเลอ่าวไทยได้มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาทำให้ทางด้านภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะได้รับปริมาณฝนตกเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความคิดเห็นของประชาชนที่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับการขอรับบริการน้ำฝนว่าบางพื้นที่ยังไม่ได้น้ำฝนไม่เพียงพอต่อการใช้งานนั้น

โดยนายสุรสีห์ เน้นย้ำว่ากรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีการปฏิบัติการทุกวันไม่มีวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ แต่ด้วยสภาพอากาศที่มีการผันแปรอยู่ตลอดเวลาเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้การปฏิบัติการมีผลสำเร็จไม่มากตามที่คาดหวัง แต่ทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการมิได้ย่อท้อต่ออุปสรรคและยังพร้อมมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเกษตรกรให้มี
น้ำต้นทุนใช้ในการเกษตรอย่างเพียงพอ

ด้านผลการปฏิบัติฝนหลวงเมื่อวานนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 11 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ขอนแก่น เลย หนองบัวลำภู สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อน จำนวน 5 แห่ง อ่างเก็บน้ำจำนวน 6 แห่ง และเพิ่มความชุ่มชื้นพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง

สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงแต่ละครั้งต้องอาศัยเงื่อนไขสภาพอากาศเป็นตัวตั้ง โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีการตรวจวัดสภาพอากาศในธรรมชาติและทำการวิเคราะห์พบว่า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ในช่วงเช้านี้สภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 5 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่

– หน่วยฯ จ.ตาก ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ตาก สุโขทัย ลำปาง กำแพงเพชร ลำพูน และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนภูมิพล

– หน่วยฯ จ.พิษณุโลก ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร

– หน่วยฯ จ.ลพบุรี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ลพบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำ ในพื้นที่ภาคกลาง

– หน่วยฯ จ.ขอนแก่น ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ มหาสารคาม สกลนคร อุดรธานี

– หน่วยฯ นครราชสีมา ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ

​​สำหรับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ ไม่สามารถปฏิบัติการฝนหลวงได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติตต่อเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือ covid-19 เข็มที่ 2 และอีก 7 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ขอติดตามสภาพอากาศระหว่างวัน เพื่อเตรียมความพร้อมขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายได้ทันที หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเข้าเงื่อนไขในการปฏิบัติการ ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวง ติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และสามารถให้ข้อมูลเชิงพื้นที่ในเรื่องของความต้องการน้ำ ปริมาณฝนที่ตก เพื่อใช้ประกอบการปฏิบัติการฝนหลวงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account: @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100