ฝนหลวงฯ เร่งปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ขอรับบริการ

​​วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.30 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนและเป็นฤดูกาลเพาะปลูก แต่ยังมีฝนตกน้อยและมีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรที่อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก หากปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอต้องอาศัยการเติมน้ำจากการปฏิบัติการฝนหลวง ระยะนี้มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย ในขณะเดียวกันตอนบนของประเทศ ได้รับอิทธิพลความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศจีน บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือ และบริเวณประเทศอินเดีย ส่งผลให้มีความชื้นเข้ามาในประเทศไทย และมีโอกาสเกิดฝนมากขึ้น แต่ยังคงมีความต้องการน้ำและมีการขอบริการฝนหลวง 834 แห่งครอบคลุม 54 จังหวัด 402 อำเภอ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมากที่สุด รองลงมาคือภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนล่างตามลำดับ

ทั้งนี้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทุกแห่งได้รับข้อมูลการขอรับบริการฝนหลวง และติดตามสภาพอากาศ รวมทั้งข้อมูลเชิงพื้นที่จากผู้ขอรับบริการ เพื่อประกอบการปฏิบัติการฝนหลวงให้เกิดประสิทธิภาพและมีฝนตกในพื้นที่เป้าหมายของผู้ขอรับบริการ ซึ่งมีการช่วยเหลือและประสบความสำเร็จในหลายพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่น หน่วยฯ จ.ลพบุรีขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง และมีฝนตกในพื้นที่ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ แม้จะมีฝนตกถึง 30 มิลลิเมตร แต่ยังมีปริมาณไม่เพียงพอ ทางหน่วยฯยังคงติดตามและช่วยเหลือพื้นที่ต่อไป

ผลการปฏิบัติฝนหลวงเมื่อวานนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 9 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.เชียงใหม่ กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ชัยภูมิ สระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ เลย หนองบัวลำภู นครราชสีมา สุรินทร์ ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ฉะเชิงเทรา สามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อน จำนวน 4 แห่ง อ่างเก็บน้ำจำนวน 6 แห่ง และบึงบอระเพ็ด

ในการปฏิบัติการฝนหลวงแต่ละครั้งต้องอาศัยเงื่อนไขสภาพอากาศเป็นตัวตั้ง โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีการตรวจวัดสภาพอากาศในธรรมชาติและทำการวิเคราะห์พบว่า ช่วงเช้านี้สภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 8 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่

– หน่วยฯ จ.พิษณุโลก ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.เพชรบูรณ์ จ.พิจิตร

– หน่วยฯ จ.กาญจนบุรี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.สุพรรณบุรี จ.กาญจนบุรี

– หน่วยฯ จ.ลพบุรี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ลพบุรี จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.นครสวรรค์ จ.สระบุรี

– หน่วยฯ จ.ขอนแก่น ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี จ.หนองบัวลำภู และพื้นที่รับน้ำเขื่อนห้วยหลวง

– หน่วยฯ อุบลราชธานี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ศรีสะเกษ

– หน่วยฯ จ.นครราชสีมา ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์

– หน่วยฯ จ.สุรินทร์ ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ จ.ร้อยเอ็ด
– หน่วยฯ สงขลา ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.นครศรีธรรมราช

สำหรับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดตาก ไม่สามารถปฏิบัติการฝนหลวงได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงเฝ้าสังเกตอาการไม่พึงประสงค์จากการรับวัคซีนป้องกัน covid-19 เข็มที่ 2 ของบุคลากรภายในหน่วยแต่อีก 4 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง พร้อมขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายได้ทันที หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเข้าเงื่อนไขในการปฏิบัติการ ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวง ติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และสามารถให้ข้อมูลเชิงพื้นที่ในเรื่องของความต้องการน้ำ ปริมาณฝนที่ตก เพื่อใช้ประกอบการปฏิบัติการฝนหลวงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account: @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100