ในวันที่ 17 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 62/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษก ศบค.ยธ. นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกฤช กระแสทิพย์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับ ผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ พบเรือนจำจังหวัดนครนายกระบาดเพิ่ม 1 แห่ง ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดง 36 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 106 แห่ง ขณะที่ ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 272 ราย (ในเรือนจำสีแดง 251 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 21 ราย) รักษาหายเพิ่ม 667 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในวันนี้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 6,164 ราย (กลุ่มสีเขียว 88.9% สีเหลือง 10.6% และสีแดง 0.5%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 190 ราย ปริมณฑล 1,253 ราย และต่างจังหวัด 4,721 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 47,228 ราย หรือ 87.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 54,156 ราย เสียชีวิตสะสม 84 ราย คิดเป็นอัตรา 0.16% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. วันนี้ โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้กำชับแนวทางการปล่อยตัวผู้ต้องขัง ที่จะต้องผ่านระบบการกักตัว 14 วัน และตรวจหาเชื้อเป็นระยะเพื่อยืนยันว่าไม่พบเชื้อก่อนปล่อย ซึ่งถ้าหากตรวจพบเชื้อจะต้องส่งต่อการรักษาไปยังสถานพยาบาลภายนอก หรือศูนย์พักพิงบริเวณด้านนอกเรือนจำ โดยจะต้อง ไม่มีผู้ต้องขังติดเชื้อถูกปล่อยตัวจากเรือนจำโดยไม่ผ่านระบบการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแม่ข่าย หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ และต้องไม่มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังเพื่อทำ Home Isolation หรือการกักตัวที่บ้านโดยเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการศึกษาข้อมูลและแนวทางเพื่อดำเนินงานอย่างรอบคอบ รวมทั้งเตรียมระบบการคัดกรอง ยาฟ้าทะลายโจร เวชภัณฑ์ และการดูแลรักษาผู้ต้องขังให้พร้อม เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงทีเมื่อมีการระบาดเกิดขึ้น โดยเฉพาะการคัดกรองผู้ต้องขังที่ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์แรกหลังพบการระบาด ซึ่งจะทำให้ผู้ติดเชื้อได้เข้าถึงยาและการรักษาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงระบบส่งต่อการรักษาหากพบอาการผิดปกติให้ถูกต้องตามแนวทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยหนัก และลดอัตราการเสียชีวิต รวมถึงการควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันอังคารที่ 17 สิงหาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อหายป่วยเพิ่ม 2 ราย คงเหลือผู้ติดเชื้อสะสมรวม 54 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 21 ราย เด็กและเยาวชน 33 ราย ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 44 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 12 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 3 แห่ง และติดเชื้อ 9 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนคงที่ 133 ราย หรือคิดเป็น 3.18% จากทั้งหมด 4,180 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มคงที่ 3,795 ราย หรือคิดเป็น 86.9% จากทั้งหมด 4,367 ราย
*************************************