ในวันที่ 11 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 59/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษก ศบค.ยธ. นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พันตำรวจโท มนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและ ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ ไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดง 35 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 107 แห่งคงเดิม
ขณะที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 173 ราย (ในเรือนจำสีแดง 138 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 35 ราย) รักษาหายเพิ่ม 701 ราย เสียชีวิต 4 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 6,754 ราย (กลุ่มสีเขียว 85% สีเหลือง 14.6% และสีแดง 0.4%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 338 ราย ปริมณฑล 1,894 ราย และต่างจังหวัด 4,522 ราย ซึ่งมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 44,402 ราย หรือ 85.6% ของผู้ติดเชื้อสะสม 51,853 ราย เสียชีวิตสะสม 79 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
สำหรับผู้เสียชีวิตในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 2 ราย เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ดและเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ แห่งละ 1 ราย ซึ่งจากข้อมูลพบเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว และสูงอายุ แม้ว่าได้ดำเนินการดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และมีการส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. วันนี้ โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ยังคงเน้นย้ำใน 2 ประเด็นที่สำคัญ คือ 1. การติดตามและคาดการณ์แนวโน้มของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งการระบาดภายนอกและภายใน เพื่อให้มีการเตรียมตัวรับมือและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที และ 2. การจัดทำแผนการสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือ EXIT อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้เรือนจำและทัณฑสถานกลับมาดำเนินการได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว โดยหากสามารถตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์แรกหลังพบการระบาด โดยเฉพาะจากเครื่องเอกซเรย์พระราชทานที่ได้กระจายการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพในขณะนี้ตลอดจนการจ่ายยา รวมทั้งรักษาอย่างทันท่วงที ควบคู่กับการทำแผน EXIT อย่างเป็นระบบและรัดกุม เรือนจำจะสามารถสิ้นสุดการระบาดและกลับมาดำเนินการได้ตามปกติภายในระยะเวลาประมาณ 2 เดือนครึ่งนับจากวันแรกที่มีการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีเรือนจำสีแดงที่สามารถเข้าสู่แผน EXIT แล้ว จำนวน 20 แห่ง โดยแบ่งเป็นระยะกำลังวางแผน 3 แห่ง และรอระยะเวลาเพื่อ EXIT 17 แห่ง ซึ่งคาดว่าภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะมีเรือนจำสีแดงที่ทยอยสิ้นสุดการระบาดเพิ่มได้ประมาณ 5 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำจังหวัดสงขลา ทัณฑสถานหญิงกลาง ทัณฑสถานหญิงสงขลา และเรือนจำกลางสมุทรปราการ ตามลำดับ
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันพุธที่ 11 สิงหาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อรวม 52 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 15 ราย และเด็ก/เยาวชน 37 ราย ขณะที่ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 46 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 10 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 3 แห่ง หมดสถานะสีขาว 1 แห่ง และติดเชื้อ 6 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้น 132 ราย หรือคิดเป็น 3.14% จากทั้งหมด 4,197 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,794 ราย หรือคิดเป็น 86.73% จากทั้งหมด 4,374 ราย