“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง พ้นการระบาดเพิ่ม รวมไม่ระบาดแล้ว 107 แห่ง พร้อมเน้นย้ำมาตรการปล่อยตัวผู้พ้นโทษ เพื่อไม่ให้นำเชื้อแพร่สู่ภายนอก”

ในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 58/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษก ศบค.ยธ. นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พันตำรวจโท มนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ ไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และมีเรือนจำพ้นการระบาดเพิ่ม 1 แห่ง คือ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดงรวมทั้งสิ้น 35 แห่ง และมีเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 107 แห่ง

ขณะที่ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 398 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 395 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 3 ราย) รักษาหายเพิ่ม 710 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,313 ราย (กลุ่มสีเขียว 82.9% สีเหลือง 16.7% และสีแดง 0.4%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 383 ราย ปริมณฑล 2,012 ราย และต่างจังหวัด 4,918 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 43,098 ราย หรือ 84.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 51,097 ราย เสียชีวิตสะสม 75 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

สำหรับผู้เสียชีวิตในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางปัตตานี ซึ่งจากข้อมูลพบเป็นกลุ่มเปราะบาง และมีโรคประจำตัว แม้ว่าได้ดำเนินการดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และมีการส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. วันนี้ โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้เน้นย้ำใน 3 ประเด็น คือ

1.การคัดกรองผู้ติดเชื้อที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการนำเครื่องเอกซเรย์พระราชทานมาใช้ให้ทันภายในสัปดาห์แรกหลังพบการระบาด เพื่อรับการรักษาและรับยาที่รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดการเสียชีวิต และควบคุมการระบาดได้เร็วขึ้น

2.การจัดเตรียมและให้ยาฟ้าทะลายโจร ตามข้อสั่งการของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งเพื่อการเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความรุนแรงของโรค พร้อมเตรียมสำรองไว้แก่ผู้ต้องขังทุกราย อย่างน้อยรายละ 50 แคปซูล

3.การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้พ้นโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2564 ที่จะต้องดำเนินการแยกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ไม่ติดเชื้อ และกลุ่มที่ยังติดเชื้ออยู่ที่จะต้องได้รับการรักษาหรือส่งต่อการรักษาอย่างถูกต้องตามกระบวนการของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนในกลุ่มที่ไม่ติดเชื้อจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อและแยกกักตัวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน รวมทั้งตรวจซ้ำเป็นระยะ เพื่อยืนยันผลก่อนปล่อย หากตรวจพบว่าติดเชื้อจะเข้าสู่กระบวนการดูแลผู้ติดเชื้อตามที่กำหนด เพื่อไม่ให้มีการนำเชื้อไปแพร่ระบาดภายนอกเรือนจำโดยเด็ดขาด

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันอังคารที่ 10 สิงหาคม 2564 ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม โดยมีผู้ติดเชื้ออยู่ระหว่างการรักษาตัวทั้งหมด 54 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 17 ราย และเด็ก/เยาวชน 37 ราย ขณะที่ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 46 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 10 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 3 แห่ง และติดเชื้อ 7 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนคงที่ 121 ราย หรือคิดเป็น 2.87% จากทั้งหมด 4,215 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,794 ราย หรือคิดเป็น 87% จากทั้งหมด 4,351 ราย

////////////////////////