“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา พ้นการระบาดเพิ่ม 1 แห่ง พร้อมกำชับทุกฝ่าย เร่งดำเนินการแผนใช้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ต้องขัง”

ในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 57/2564 โดยมีนางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกฤช กระแสทิพย์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบ การประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ พบเรือนจำพ้นการระบาดเพิ่ม 1 แห่ง คือ เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา และไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่ม ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดง รวมทั้งสิ้น 36 แห่ง และมีเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 106 แห่ง

ขณะที่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 313 ราย (ในเรือนจำสีแดง 297 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 16 ราย) รักษาหายเพิ่ม 595 ราย เสียชีวิต 4 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,598 ราย (กลุ่มสีเขียว 83.2% สีเหลือง 16.5% และสีแดง 0.3%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 437 ราย ปริมณฑล 2,020 ราย และต่างจังหวัด 5,141 ราย โดยมี ผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 42,391 ราย หรือ 83.7% ของผู้ติดเชื้อสะสม 50,670 ราย เสียชีวิตสะสม 74 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

สำหรับผู้เสียชีวิตในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางสมุทรปราการ 3 ราย และเรือนจำกลางขอนแก่น 1 ราย จากข้อมูลพบเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งได้ดำเนินการดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และมีการส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอก แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. วันนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติเข้าร่วมประชุมเพื่อมอบนโยบายเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อภายในเรือนจำและทัณฑสถาน โดยได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดและมีความรวดเร็วในการดำเนินการ โดยเฉพาะการจัดหาและใช้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ต้องขัง ทั้งนี้ เพื่อการเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความรุนแรงของโรค โดยได้สั่งการให้ทุกเรือนจำและทัณฑสถานเร่งจัดหายาฟ้าทะลายโจร เพื่อเตรียมพร้อมแก่ผู้ต้องขังทุกราย อย่างน้อยรายละ 50 แคปซูล พร้อมศึกษาการทำงาน และการใช้ยาฟ้าทะลายโจร อย่างถูกต้อง ภายใต้คำสั่งของแพทย์ และคำแนะนำของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งคาดว่าหากมีการจ่ายยาฟ้าทะลายโจรอย่างเป็นระบบและทันเวลา ควบคู่กับแผนการคัดกรองและรักษาอย่างรวดเร็วที่ได้ดำเนินการมาโดยตลอด จะช่วยไม่ให้มีผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำเพิ่มขึ้น ลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราการเสียชีวิตลง ทำให้สามารถควบคุม การระบาดของโรคได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมในวันนี้ ได้เน้นย้ำการปฏิบัติตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ทั้งการทำงานของเจ้าหน้าที่และการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ การดูแลทำความสะอาดฆ่าเชื้อสิ่งของและสถานที่ รวมทั้งการดูแลผู้ต้องขัง โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรคประจำตัว ที่ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อและทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้นได้

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม 2564 ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม โดยมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวทั้งหมด 54 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 17 ราย และเด็ก/เยาวชน 37 ราย ขณะที่ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 44 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 12 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 3 แห่ง หมดสถานะสีขาว 2 แห่ง และติดเชื้อ 7 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนคงที่ 121 ราย หรือคิดเป็น 2.86% จากทั้งหมด 4,226 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,794 ราย หรือคิดเป็น 86.96% จากทั้งหมด 4,363 ราย

*****************************