ในวันที่ 7 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ศาตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 56/2564 โดยมีนางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษก ศบค.ยธ. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกฤช กระแสทิพย์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน พบแนวโน้มการติดเชื้อพื้นที่กรุงเทพมหานครลดลงแต่พบการติดเชื้อในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น โดยวันนี้มีเรือนจำสีแดงที่แพร่ระบาดเพิ่ม 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางชลบุรี และเรือนจำกลางลพบุรี ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดง รวมทั้งสิ้น 36 แห่ง และมีเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 106 แห่ง
ขณะที่ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 923 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 869 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 54 ราย) รักษาหายเพิ่ม 400 ราย เสียชีวิต 3 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,689 ราย (กลุ่มสีเขียว 84% สีเหลือง 15.7% และสีแดง 0.3%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 415 ราย ปริมณฑล 2,056 ราย และต่างจังหวัด 5,218 ราย มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 41,640 ราย หรือ 83.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 49,989 ราย เสียชีวิตสะสมรวม 70 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสม
สำหรับผู้เสียชีวิตในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางขอนแก่น 2 ราย และเรือนจำจังหวัดสตูล 1 ราย ซึ่งจากข้อมูลพบมีโรคประจำตัว เป็นกลุ่มเปราะบาง ซึ่งได้ส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกและรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมในวันนี้ได้เน้นย้ำการจัดทำแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (EXIT) ที่ต้องดำเนินการภายใต้กรอบที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้ได้พิจารณาเรือนจำสีแดงเพื่อเข้าสู่แผน EXIT เพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 18 แห่ง ทั้งในระยะเริ่มการวางแผน EXIT การ EXIT บางแดน และที่มีกำหนดการ EXIT แล้ว ซึ่งจะทยอย EXIT ได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (8 สิงหาคม 2564) เป็นต้นไป เช่น สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง โดยการจัดทำแผนดังกล่าว จะทำให้ทุกเรือนจำและทัณฑสถาน มีกรอบการดำเนินงานและระยะเวลาเพื่อควบคุมโรคที่ชัดเจน ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นควบคุมการระบาด ไปจนถึงพ้นการระบาดและกลับมาปฏิบัติงานได้อีกครั้ง โดยหากสามารถเริ่มกระบวนการตรวจหาเชื้อ คัดกรอง รักษา และทำแผน EXIT ได้ดี จะสามารถกลับมาทำหน้าที่เรือนจำปกติได้เร็วที่สุดในระยะเวลาประมาณ 2 เดือนครึ่งนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดขึ้นในเรือนจำ
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2564 พบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย จากเดิมสถิติผู้ติดเชื้อเป็นเจ้าหน้าที่ 14 ราย เด็กและเยาวชน 37 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 52 ราย ขณะที่ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 45 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 11 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 3 แห่ง หมดสถานะสีขาว 1 แห่ง และติดเชื้อ 7 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนคงที่ 121 ราย หรือคิดเป็น 2.89% จากทั้งหมด 4,183 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,794 ราย หรือคิดเป็น 86.84% จากทั้งหมด 4,369 ราย
*****************************************