“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์เร่งควบคุมโรค เน้นคัดกรอง วินิจฉัย และรักษารวดเร็ว คาด EXIT เรือนจำสีแดงได้ 14 แห่ง ในเดือนสิงหาคมนี้”

ในวันที่ 4 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ศาตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 53/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกฤช กระแสร์ทิพย์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พันตำรวจโทมนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เผย ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ในวันนี้ สถานะเรือนจำที่แพร่ระบาดคงที่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 คือ มีเรือนจำสีแดง 29 แห่ง เรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาด 106 แห่ง และที่สิ้นสุดการระบาดแล้ว 7 แห่งคงเดิม

ขณะที่ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 187 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 165 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 22 ราย) รักษาหายเพิ่ม 481 ราย เสียชีวิต 2 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,209 ราย (กลุ่มสีเขียว 81.5% สีเหลือง 18.1% และสีแดง 0.4%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 651 ราย ปริมณฑล 2,017 ราย และต่างจังหวัด 4,541 ราย มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 40,659 ราย หรือ83.8% ของผู้ติดเชื้อสะสม 48,474 ราย เสียชีวิตสะสมรวม 65 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดสระบุรี และเรือนจำกลางขอนแก่น จากข้อมูลพบว่า มีโรคประจำตัว เป็นกลุ่มเปราะบาง และอาการอื่นร่วม ทำให้มีความรุนแรงของโรคมากกว่าปกติ ซึ่งผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และการส่งต่อการรักษาไปยังโรงพยาบาลภายนอก แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมในวันนี้ ได้พิจารณาแผนการสิ้นสุดการระบาดของโรค (EXIT) เพิ่มเติม ซึ่งในระยะแรกจะมีเรือนจำสีแดงเข้าแผนทั้งสิ้น 14 แห่ง แบ่งเป็นการ EXIT บางแดน 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำพิเศษมีนบุรี อยู่ระหว่างการพิจารณาแผน EXIT 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางสมุทรปราการ และเรือนจำกลางนครปฐม และมีกำหนดการ EXIT แล้ว 10 แห่ง คือ เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เรือนจำจังหวัดสุโขทัย ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำจังหวัดสงขลา เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี ทัณฑสถานหญิงสงขลา สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี และเรือนจำกลางสงขลา ซึ่งคาดว่าจะ EXIT และลดจำนวนเรือนจำสีแดงลงได้ จำนวน 14 แห่ง ในเดือนสิงหาคมนี้

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เน้นย้ำมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้อ ตามแนวทางสาธารณสุข คือ การคัดกรองรวดเร็ว (Early Detection) ตรวจวินิจฉัยรวดเร็ว (Early Diagnosis) รักษารวดเร็ว (Early Treatment) ซึ่งจะช่วยให้ควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็ว (Early Containment) ทั้งด้วยวิธี RT-PCR, Antigen Test Kit (ATK) การเอกซเรย์ปอด และการตรวจวัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้เข้าถึงยาได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา ซึ่งจะสามารถลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราการเสียชีวิต รวมทั้งเป็นการเร่งคืนพื้นที่เรือนจำและทัณฑสถานที่แพร่ระบาดให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติได้อีกด้วย

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันพุธที่ 4 สิงหาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 4 ราย โดยเป็นเยาวชน 1 ราย จากสถานพินิจฯ จังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่ 3 ราย จากสถานพินิจฯ จังหวัดสมุทรสาคร ด้านผู้ป่วยติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาหายป่วยแล้วจำนวน 3 ราย รวมสถิติผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 48 ราย ขณะที่ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 42 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 14 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 6 แห่ง หมดสถานะสีขาว 2 แห่ง และติดเชื้อ 6 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนคงที่ 121 ราย หรือคิดเป็น 2.86% จากทั้งหมด 4,233 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนคงที่ 3,793 ราย หรือคิดเป็น 86.79% จากทั้งหมด 4,370 ราย

///////////////////////