“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ เน้นคัดกรองเชื้อเชิงรุก เพื่อเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อให้ได้รับการรักษาทันที”

ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 น. ศาตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 50/2564 โดยมี นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายกฤช กระแสร์ทิพย์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พันตำรวจโท มนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ฯ เผย ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ในวันนี้ มีเรือนจำสีแดงเพิ่ม 4 แห่ง คือ เรือนจำกลางสมุทรสงคราม เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ เรือนจำจังหวัดอ่างทอง (เปลี่ยนสถานะจากเรือนจำสีขาว) และทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง (เปลี่ยนสถานะจากเรือนจำสิ้นสุดการระบาด) ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดง รวม 27 แห่ง เรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาดลดลงอยู่ที่ 108 แห่ง และที่สิ้นสุดการระบาดแล้ว 7 แห่ง

ขณะที่ ผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 681 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 630 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 51 ราย) รักษาหายเพิ่ม 605 ราย และเสียชีวิต 1 ราย รวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งหมด 7,268 ราย (กลุ่มสีเขียว 81.9% สีเหลือง 17.8% และสีแดง 0.3%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 38,373 ราย หรือ 83% ของผู้ติดเชื้อสะสม 46,169 ราย และเสียชีวิตสะสม 58 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1%

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และเรือนจำที่พบการแพร่ระบาดเพิ่มในวันนี้ เกิดจากมาตรการเพื่อเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อให้ได้รับการรักษาโดยเร็ว ทั้งการตรวจหาเชื้อในเรือนจำสีขาวที่ยังไม่แพร่ระบาดเป็นระยะๆ และในเรือนจำสีแดงที่แพร่ระบาดแล้ว เพื่อให้ผู้ติดเชื้อทุกรายได้เข้าสู่กระบวนการรักษา และได้รับยาที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการจ่ายยาฟ้าทะลายโจรภายใต้คำแนะนำของแพทย์แก่ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ยิ่งในรายที่ตรวจพบเชื้อและได้รับยาเร็ว สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ และมีประสิทธิผลที่ดี

สำหรับผู้เสียชีวิต 1 รายในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังชาย อายุ 67 ปี จากเรือนจำจังหวัดสระบุรี ซึ่งจากข้อมูลพบว่า เป็นผู้ป่วยสูงอายุ มีโรคประจำตัว และอาการอื่นร่วม ทำให้มีความรุนแรงของโรคมากกว่าปกติ แม้จะได้ให้ยาและดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเสียชีวิตลงในที่สุด ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมในวันนี้ ได้เน้นย้ำมาตรการการเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดจากภายนอกเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการระวังการติดเชื้อจากห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่ ที่ต้องจัดสรรเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังช่วยเหลืองานเจ้าหน้าที่โดยแยกการทำงานจากแดนอื่นอย่างเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงการระวังการแพร่เชื้อผ่านสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ โดยจะต้องฆ่าเชื้อ และทำความสะอาด เพื่อสุขอนามัยที่ดีอยู่เสมอ

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 2 ราย เป็นเยาวชน 1 ราย และเจ้าหน้าที่อีก 1 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมเดิมเป็นเยาวชน 31 ราย เเละเจ้าหน้าที่ 9 ราย รวมผู้ติดเชื้อทั้งหมด 42 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 43 แห่ง หรือคิดเป็น 76.7% จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 13 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 6 แห่ง หมดสถานะสีขาว 2 แห่ง และติดเชื้อ 5 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน คงที่ 121 ราย หรือคิดเป็น 2.84% จากทั้งหมด 4,247 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนคงที่ 3,792 ราย หรือคิดเป็น 86.27% จากทั้งหมด 4,395 ราย

*****************************************