วันที่ 18 เมษายน 2561) เวลา 16.00 น. ณ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ แถลงความคืบหน้าการดำเนินการของ พส. กรณีการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง
นางนภาฯ กล่าวว่า จากกรณี ที่มีข้อร้องเรียนเรื่องการทุจริตเงินสงเคราะห์ฯ นั้น พส. ได้มีการดำเนินการตั้งและมอบหมายให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง พร้อมทีมนิติกร ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ของหน่วยงาน ในสังกัดทุกแห่งอย่างเร่งด่วน โดยขณะนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ๕๙ หน่วยงาน ในพื้นที่ ๔๓ จังหวัด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง จำนวน ๒๗ แห่ง ซึ่งคาดว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๑ และ พบมูลกรณีส่อไปในทางปฏิบัติไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการและอาจมีการทุจริต จำนวน ๒๔ แห่ง ซี่งได้ดำเนินการ ๑) สั่งย้ายหัวหน้าหน่วยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกจากหน่วยงาน จำนวน ๑๖ แห่ง ๒๒ คน และ ๒) อยู่ระหว่างการดำเนินการทางวินัย ๒ แห่ง ๗ คน ได้แก่ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น แล้วเสร็จเดือนเมษายน ๒๕๖๑ และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดเชียงใหม่ แล้วเสร็จเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑
นางนภาฯ ได้กล่าวต่อว่า กรณี ที่อยู่ระหว่างดำเนินการทางวินัย ๒ แห่งนั้น คือ ๑) ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น โดยได้สั่งพักราชการข้าราชการซึ่งถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง จำนวน ๒ คน คือ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองฯ และ หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคม และ สอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง จำนวน ๓ คน คือ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองฯ เจ้าพนักงานพัฒนาสังคม และ พนักงานพิมพ์ดีด ส่วนอีกแห่งนั้น คือ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการสอบวินัยอย่างร้ายแรง จำนวน ๓ คน โดยได้สั่งพักราชการ จำนวน ๑ คน คือ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองฯ นอกจากนี้ พส. ได้ตั้งกรรมการสอบสวน ทางวินัยเพิ่มเติม ๑๐ แห่ง ๔๕ คน (ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพงฯ ศูนย์คุ้มครองฯ จ.พัทลุง ศูนย์คุ้มครองฯ จ.สุราษฎร์ธานี นิคมสร้างตนเองสุคีริน จ.นราธิวาส นิคมสร้างตนเองรัตภูมิ จสงขลา นิคมสร้างตนเองควนขนุน จ.พัทลุง นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จ.เชียงใหม่ ศูนย์คุ้มครองฯ จ.ตราด และ ศูนย์คุ้มครองฯ จ.หนองคาย)
นางนภาฯ ได้กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงาน ป.ป.ท. ได้ส่งข้อมูลให้ พส. จำนวน ๑๙ แห่ง ๙๕ คน ซึ่ง พส. จะได้ดำเนินการต่อไป