“สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ รักษาหายแล้ว 93% สั่งเข้มเตรียมแผนรับมือ และป้องกันเชื้อภายนอกอย่างใกล้ชิด คาด มีสถานที่ควบคุม 9 แห่ง พร้อมปรับเป็นเรือนจำสีขาวเร็วๆ นี้”

ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 น. นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 42/2564 โดยมีศาตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกฤช กระแสร์ทิพย์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และห้องประชุม 1 ชั้น 2 กรมราชทัณฑ์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เผย ภาพรวมการระบาดของกรมราชทัณฑ์ มีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาด 115 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาด 18 แห่ง ในวันนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบ ส่วนใหญ่พบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่จากภายนอก ขณะที่มีผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 36,399 ราย หรือ 93% ของผู้ติดเชื้อสะสม 39,164 ราย สำหรับผู้ต้องขังที่ยังรักษาตัวอยู่แบ่งเป็น

(1) พื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 648 ราย หรือ 26.7%

(2) ปริมณฑล 901 ราย หรือ 37.2%

(3) พื้นที่ต่างจังหวัด 875 ราย หรือ 36.1%

โดยเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 72.6% สีเหลือง 26.4% และสีแดง 1% ของผู้ติดเชื้อระหว่างรักษา และผู้เสียชีวิตสะสม 47 ราย หรือ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด โดยไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่นานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน มีเรือนจำและทัณฑสถานที่ถูกลดสถานะจากเรือนจำสีแดง แล้วจำนวน 9 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างรอการประเมินเพื่อปรับสถานะเป็นเรือนจำสีขาวที่ปลอดเชื้อในเร็วๆ นี้ คือ

1.เรือนจำกลางเชียงใหม่

2.เรือนจำจังหวัดนราธิวาส

3.ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง

4.เรือนจำพิเศษธนบุรี

5.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

6.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี

7.ทัณฑสถานหญิงธนบุรี

8.เรือนจำกลางบางขวาง

9.เรือนจำจังหวัดสงขลา และคาดว่าจะมีเรือนจำและทัณฑสถานอีกจำนวนหนึ่ง ที่สามารถควบคุมการระบาดได้และลดสถานะจากเรือนจำสีแดงเพิ่มเติม ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. วันนี้ ได้เน้นย้ำเป็นพิเศษในมาตรการแยกกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่ที่มาจากภายนอก ที่นอกจากจะตรวจหาเชื้อและกักโรคตามระยะเวลาแล้ว อาจจะต้องพิจารณาแนวทางเพิ่มเติมในการเพิ่มพื้นที่ห้องกักโรคให้มีจำนวนห้องที่เพียงพอ พร้อมทั้งยกระดับการเฝ้าระวังและป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด รวมทั้งจัดเตรียมแผนเผชิญเหตุ และผสานการทำงานร่วมกันระหว่างเรือนจำและทัณฑสถานภายในเขตให้พร้อม ทั้งสถานที่ และบุคลากร เพื่อรับมือในกรณีที่มีการระบาดเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ด้านการดำเนินการฉัดวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ ได้รับการจัดสรรวัคซีนมาแล้วจำนวน 103,044 โดส จากกรมควบคุมโรค 86,089 โดส วัคซีนพระราชทาน 6,400 โดส และแหล่งอื่น 10,555 โดส ซึ่งได้ดำเนินการเริ่มฉีดให้แก่ผู้ต้องขังไปแล้ว เข็มที่ 1 จำนวน 44,393 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 41,463 ราย ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์ยังอยู่ระหว่างการเร่งกระจายการฉีดเพิ่มเติม พร้อมประสานไปยังกรมควบคุมโรคเพื่อรับการจัดสรรฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทั้งหมดต่อไป

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนประจำวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 16 ราย เมื่อวันเสารที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นเจ้าหน้าที่ 2 ราย จากเดิมมี 11 ราย และเป็นเด็กและเยาวชน 14 ราย จากเดิม 6 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 33 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว เพิ่มขึ้นเป็น 46 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง หรือคิดเป็น 82% อีก 10 แห่งอยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 7 แห่ง และติดเชื้อ 3 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน คงที่ที่ 111 ราย หรือคิดเป็น 2.5% จากทั้งหมด 4,363 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,737 ราย หรือคิดเป็น 84.75% ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4,409 ราย