“สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ ยังควบคุมได้ดี พร้อมเตรียมแผนรับมือกับการแพร่ระบาดอย่างเป็นระบบ”

ในวันที่ 16 กรกฎาคม เวลา 09.00 นาฬิกา ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 41/2564 โดยมี นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และห้องประชุม 1 ชั้น 2 กรมราชทัณฑ์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการระบาดของกรมราชทัณฑ์ พบเรือนจำระบาดเพิ่ม 1 แห่ง คือเรือนจำจังหวัดสุโขทัย ทำให้มีเรือนจำสีขาวลดลงอยู่ที่ 119 แห่ง และเรือนจำสีแดง 14 แห่ง ในวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากเรือนจำแพร่ระบาดเดิม ซึ่งเป็นการตรวจหาเชื้อตามรอบในกลุ่มเสี่ยงสูงเพื่อควบคุมโรค ขณะที่มีผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 35,900 ราย หรือ 93% ของผู้ติดเชื้อสะสม 38,619 ราย สำหรับผู้ต้องขัง ที่ยังรักษาตัวอยู่ เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 74.3% สีเหลือง 24.8% และสีแดง 0.9% ผู้เสียชีวิตสะสม 47 ราย หรือ 0.1% โดยไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเป็นวันที่ 6

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. วันนี้ ยังคงเน้นย้ำเรื่องการเฝ้าระวังเชื้อจากภายนอกและการเตรียมแผนเผชิญเหตุ รวมทั้งการทำความเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนตามหลักระบาดวิทยา โดยเฉพาะใน 4 ประเด็นหลัก คือ

1.การเตรียมพื้นที่ให้มีความพร้อมรองรับทั้งการระบาดภายในและจากห้องกักโรค

2.การเตรียมแผนขั้นตอนการปฏิบัติงานเมื่อเกิดเหตุให้ครบถ้วนและชัดเจน

3.การเตรียมบุคลากรให้พร้อมและมีความเข้าใจในการปฏิบัติงาน

4.การเตรียมข้อมูล ทั้งข้อมูลด้านบุคลากร ผู้ต้องขัง สถานที่ รวมถึงเตรียมการส่งต่อข้อมูลผ่านระบบ ให้สามารถบริหารจัดการ เมื่อเกิดการระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานไปแล้ว รวมเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จำนวน 84,302 โดส จากการจัดสรรตามแผนของกรมควบคุมโรค และจากแหล่งอื่น รวม 97,044 โดส ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประสานไปยังกรมควบคุมโรค เพื่อขอรับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อทยอยฉีดให้แก่ผู้ต้องขังกลุ่มอื่นๆ จนครอบคลุมทั้งหมดต่อไป