ชป.พร้อมรับมือ พายุโซนร้อน “ปาบึก” เข้าใต้พรุ่งนี้(3 ม.ค. 62)

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือน       พายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านแหลมญวน และเคลื่อนลงอ่าวไทย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพื้นที่ภาคใต้ทำให้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในช่วงวันที่ 3-4 ม.ค.62 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล ช่วงวันที่ 4-5 ม.ค.62 บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล แล้วจะเคลื่อนตัวออกกสู่ทะเล  อันดามันในวันที่ 6 ม.ค. 62 ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกเล็กน้อยบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร นั้น

กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำอย่างเร่งด่วน โดยการประชุมผ่าน VDO conference ไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ภาคใต้ทุกโครงการฯ เพื่อเน้นย้ำให้ทุกแห่งเตรียมการรับมือจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ได้เร่งพร่องน้ำในลำน้ำต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรับน้ำจากฝนที่ตกลงในพื้นที่ สำหรับเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน    ได้ทำการพร่องน้ำในเขื่อนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้มีพื้นที่น้ำรับได้เพิ่มขึ้นแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการขุดลอกคลองและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้น้ำไหลลงสู่ทะเลได้สะดวกรวดเร็ว พร้อมกับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชลประทานทุกโครงการ รวมไปถึงศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีไปจนถึงจังหวัดนราธิวาส ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับการเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือ นั้น กรมชลประทาน ได้ติดตั้งและเตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือไว้ในพื้นที่ภาคใต้ ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูฝนแล้ว อาทิ เครื่องสูบน้ำ 453 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 300 เครื่อง และเครื่องจักรกลอื่นๆรวมทั้งสิ้น 1,106 หน่วย พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทาน    ทำการตรวจสอบอาคารและระบบชลประทาน ให้มีความพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง ยังได้นำรถกระจายสัญญานวิทยุสื่อสาร ลงไปประจำในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม เพื่อเพิ่มศักยภาพให้เจ้าหน้าที่ชลประทาน ในด้านการสื่อสารด้วยวิทยุสื่อสารระยะไกล ซึ่งจะช่วยให้การปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกลมีความสะดวก รวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ประสานงานบูรณาการทำงานร่วมกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง     ในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบสถานการณ์น้ำอย่างทั่วถึงแล้ว

**********************************

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ
กรมชลประทาน
2 มกราคม 2562