“โคก หนอง นา นำพาความอุดมสมบูรณ์” พช.โพธิ์ไทร เร่งเครื่อง ติดตามสนับสนุน “โคก หนอง นา พช.” จ.อุบลราชธานี พร้อมขานรับ ปลูกผักสวนครัว และพืชสมุนไพร สู้ภัยโควิด-19

วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ภายใต้การอำนวยการของ นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี โดย นางสาวปาณิสรา ใจเย็น พัฒนาการอำเภอโพธิ์ไทร พร้อมด้วย นายภาณุมาศ อำคา นักวิชาการพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ ปลัดอำเภอ นายช่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ (นพต.) ลงพื้นที่ติดตามสนับสนุนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” ในพื้นที่ตำบลโพธิ์ไทร และตำบลสำโรง อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี

สำหรับการลงพื้นที่ติดตามสนับสนุนโครงการฯ ในครั้งนี้ คณะฯ ได้ติดตามการพัฒนาพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ครัวเรือนตัวอย่างพื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับครัวเรือน (Househole Lab Model for quality oflife : HLM) ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” ประกอบด้วย 1)แปลงนางนรินทร์ จันทาทอง บ้านแดง หมู่ที่ 17 ตำบลโพธิ์ไทร ขนาดพื้นที่ 3 ไร่ แบบ 1:3 ประเภทดินร่วนปนทราย 2)แปลงนายสมัย เตมิยะ บ้านนาขาม หมู่ที่ 4 ตำบลสำโรง ขนาดพื้นที่ 1ไร่ แบบ 1 :1 ประเภทดินเหนียว 3)แปลงนางสมบูรณ์ วงศ์ฤทธิ์ บ้านน้ำคำ หมู่ที่ 10 ตำบลสำโรง ขนาดพื้นที่ 1 ไร่ แบบ 1:3 ประเภทดินร่วนปนทราย

จากการติดตามพบว่าพื้นที่แปลงได้มีกิจกรรมในการพัฒนาพื้นที่แปลงของตนอย่างต่อเนื่อง มีปลูกการพืช 5 ระดับ อาทิเช่น ต้นไผ่ ต้นมะม่วง ต้นทุเรียน ต้นมะค่า ต้นกล้วย มันแกว เพื่อให้เกิดเป็นป่าสามอย่าง ประโยชน์สี่อย่าง ซึ่งจะมีประโยชน์ในการกักเก็บและอนุรักษ์น้ำ สร้างสมดุลในพื้นที่แปลง สร้างรายได้ในอนาคต และสามารถเป็นพื้นที่เรียนรู้แก่คนในชุมชนต่อไป โดยคณะตรวจติดตามได้พบปะเจ้าของแปลง และให้คำแนะนำในการวางแผนเพื่อจัดกิจกรรมขับเคลื่อนพัฒนาพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ฯ และจัดกิจกรรมเครือข่ายการเรียนรู้แก่ชุมชนผ่านการเอามื้อสามัคคีในแปลงที่ดำเนินการขุดปรับพื้นที่แล้ว นอกจากนั้น ยังได้ให้คำแนะนำและห่วงใยพื้นที่แปลง ถึงแม้การพัฒนาพื้นที่จะดำเนินตามแบบโคกหนองนา และแนวทางมาตรฐานกรมฯ แต่เนื่องจากฝนที่ตกอย่างหนักในช่วงนี้ จึงขอให้ครัวเรือนต้นแบบได้นำพืชมาปลูกบริเวณคันดินและดำเนินการคลุมดิน เพื่อให้คันดินยึดกันได้ดีขึ้น พร้อมได้แนะนำให้จัดทำแผนและวางแผนการจัดกิจกรรมเครือข่ายเอามื้อสามัคคีต่อไป

โดยเจ้าของแปลงฯ ต่างก็เปิดเผยว่า “ดีใจและมีความสุขมากที่ได้เข้าร่วมโครงการฯ ขอขอบคุณภาครัฐที่มาช่วยชีวิตให้มีความอุดมสมบูรณ์ และมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี เพราะพื้นที่ทำกิน ถือเป็นชีวิตจิตใจในการเลี้ยงชีพ ซึ่งแต่เดิมพื้นที่แห่งนี้ในการทำเกษตรนั้น ต้องพึ่งน้ำฝนตามฤดูกาล บางปีฝนทิ้งช่วงไม่มีน้ำทำการเกษตร จึงขณะที่เจ้าของแปลงฯ ได้เปิดเผยว่า “ดีใจและมีความสุขมากที่ได้เข้าร่วมโครงการฯ ขอขอบคุณภาครัฐที่มาช่วยชีวิตให้มีความอุดมสมบูรณ์ และมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี เพราะพื้นที่ทำกิน ถือเป็นชีวิตจิตใจในการเลี้ยงชีพ ซึ่งแต่เดิมพื้นที่แห่งนี้ในการทำเกษตรนั้น ต้องพึ่งน้ำฝนตามฤดูกาล บางปีฝนทิ้งช่วงไม่มีน้ำทำการเกษตร จึงได้สมัครเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งในอนาคตจะมีการขับเคลื่อนกิจกรรมการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 5 ปี ต่อจากนี้ เช่น คันทองคำ ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง เพื่อให้เป็นครัวเรือนตัวอย่าง และศูนย์เรียนรู้ในชุมชน ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ ขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยือน ตลอดจนรัฐบาล กรมการพัฒนาชุมชน จังหวัด อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยเหลือและสนับสนุนพี่น้องประชาชน จนพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ และสามารถพึ่งพาตนเองได้ ในยามที่กำลังประสบปัญหาจากภัยโควิด-19”

ทางด้าน นางสาวปาณิสรา ใจเย็น พัฒนาการอำเภอโพธิ์ไทร ได้พบปะกับ เจ้าของแปลงครัวเรือนพัฒนา นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ (นพต.) และคณะทำงานที่ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินการโครงการฯ ตามนโยบายของรัฐบาล และแนวทางของกรมการพัฒนาชุมชนกำหนด พร้อมชื่นชมแปลงที่ดำเนินการได้แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยว่า “ถือว่าทุกท่านโชคดี ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนจากโครงการฯ ในครั้งนี้ ซึ่งเกิดจากแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบสาน รักษา และต่อยอด สู่รัชกาลที่ 10 การยึดหลักกสิกรรมธรรมชาติในการพัฒนาพื้นที่ หากเจ้าของแปลงหรือนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ (นพต.) มีเหตุขัดข้องหรือข้อสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโดยทันที เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกัน อันจะทำให้โครงการฯ สามารถดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนโดยเร็ว มีแปลงตัวอย่างที่สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบแก่คนในพื้นที่ สามารถการพึ่งตนเองให้รู้จักสร้างทางรอดในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ต่อไป”

ขณะที่ นายภานุมาศ อำคา พัฒนากรผู้รับผิดชอบ ได้ให้คำแนะนำนโยบายจากภาครัฐเพิ่มเติมอีกว่า “ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมน้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความมั่นคงทางอาหาร สู่ปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร รอบ 2 ในครั้งนี้ โดยเฉพาะการปลูกกระชาย ขิง ฟ้าทะลายโจร นั้น ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยป้องกันโควิด-19 และบรรเทาอาการเบื้องต้นของไข้หวัด หรือป้องกันการติดเชื้อได้ โดยพบว่าสารสกัดของกระชายขาว สามารถแสดงฤทธิ์ในการต้านไวรัสทั้งในระยะก่อนและหลังการติดเชื้อนอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับ ฟ้าทะลายโจร ซึ่งกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้การรับรองแล้วว่ามีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่สามารถรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้

โดยให้รับประทานฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ วันละ 180 มิลลิกรัม เป็นเวลา 5 วัน จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย จะเห็นได้ว่าสมุนไพรไทยมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายจนทั่วโลกให้การยอมรับ จึงเป็นจุดแข็งของประเทศไทยที่สามารถนำมาช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนรอดพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้เป็นอย่างดี สุดท้ายนี้ ขอฝากให้ทุกท่านได้ร่วมกันสร้างความมั่นคงด้านอาหารด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวและพืชสมุนไพร ให้เกิดความต่อเนื่อง ให้เป็นทั้งอาหารและยารักษาโรคต่างๆ หลายโรค รวมถึงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามแนวทางของกรมการพัฒนาชุมชน และความรักห่วงใยพี่น้องประชาชน จากท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน” นายภาณุมาศ กล่าวปิดท้าย

กรมการพัฒนาชุมชน ภาพข่าว/รายงาน