กรมท่าอากาศยานสั่งทุกท่าอากาศยานพร้อมรับตามมาตรการ ศบค. และกระทรวงคมนาคม

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้เห็นชอบและมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานด้านคมนาคมที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติของ ศบค. กำหนดเวลาหยุดให้บริการรถสาธารณะ ตั้งแต่เวลา 21.00 – 04.00 น. เริ่มวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร พร้อมคุมเข้มมาตรการด้านสาธารณะสุขอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ในส่วนของการเดินทางข้ามจังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม 10 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทาง ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะเพิ่มความเข้มงวดผู้ประกอบการ รวมทั้งตรวจคัดกรองการเดินทาง การจัดระบบและระเบียบให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคและแนวปฏิบัติที่ ศบค. กำหนด

ในส่วนของการให้บริการของท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยาน ยังเปิดให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบินตามปกติ โดยได้สั่งการให้ทุกท่าอากาศยานดำเนินการตามแนวปฏิบัติของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ที่สอดคล้องกับมติ ศบค. ในการให้สายการบินจำกัดการบินในช่วงเวลา ตั้งแต่เวลา 21.00 – 04.00 น. เริ่มวันที่ 12 กรกฎาคม 2564

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมท่าอากาศยานได้มีการดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวัง การแพร่ระบาด ของ COVID – 19 เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ปฏิบัติงานมาโดยตลอดอย่างเคร่งครัด ดังนี้

1.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ตรวจคัดกรอง เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในท่าอากาศยาน ผู้ที่เข้ามาติดต่องาน และ ผู้โดยสาร ก่อนเข้าใช้บริการอาคารผู้โดยสาร โดยทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่อยู่ในท่าอากาศยาน

2.จัดจุดลงทะเบียนเช็คอิน-เช็คเอาท์ “ไทยชนะ” ห้องผู้โดยสารขาเข้าและขาออก

3.จัดจุดบริการเจลล้างมือสำหรับผู้โดยสารและผู้ใช้บริการไว้บริเวณจุดต่างๆภายในท่าอากาศยาน

4. ฉีดพ่นยากระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารขาเข้าก่อนลำเลียงสายพานแจกจ่ายให้ผู้โดยสารขาเข้า

5. กำหนดจุดการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) ในพื้นที่ท่าอากาศยานได้แก่ เคาน์เตอร์ขายตั๋วโดยสาร เคาน์เตอร์เช็คอิน เก้าอี้พักคอยในอาคารผู้โดยสาร จุดตรวจตั๋วโดยสารก่อนเข้าห้องขาออก จุดตรวจค้น จุดตรวจบัตรโดยสาร จุดวัดอุณหภูมิคัดกรอง จุดแสกน QR Code บริเวณสายพานรับกระเป๋า รวมถึงกำชับให้ผู้ประกอบการภายในท่าอากาศยานปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

6. เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นที่ภายในและอุปกรณ์ต่างๆ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาด และฉีดยาพ่นภายในอาคาร หลังเที่ยวบินสุดท้ายทุกวัน

7. เผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 ให้ผู้โดยสารทราบ

8. ปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด

อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวเพิ่มเติมสำหรับผู้โดยสาร ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางในช่วงนี้ ควรศึกษาเงื่อนไข หรือระเบียบการเดินทางเข้า-ออกของจังหวัดปลายทาง พร้อมเตรียมเอกสารที่จำเป็นในการเดินทาง รวมถึงตรวจเช็คเที่ยวบิน เนื่องจากมีสายการบินบางส่วนยกเลิกเส้นทางบินในระหว่างนี้

โดยกรมท่าอากาศยานขอแจ้งให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางทราบว่า ผู้โดยสารทุกท่านจะต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองตามขั้นตอนของท่าอากาศยานซึ่งเป็นไปตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ทั้งในส่วนของการสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา และหากวัดอุณหภูมิผู้โดยสารได้สูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส หรือมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ สายการบินและท่าอากาศยานจะดำเนินการแจ้งสาธารณสุขในพื้นที่ทันที สำหรับผู้ป่วยยืนยันหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องงดการเดินทาง หากฝ่าฝืนอาจได้รับโทษตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558

*****
กลุ่มสื่อสารองค์กร สำนักงานเลขานุการกรม
กรมท่าอากาศยาน
pr@airports.go.th
12 กรกฎาคม 2564