สตง. เปิดตัว “โครงการประเมินวินัยการเงินการคลังของหน่วยรับตรวจ” หรือ FFDA เพื่อเป็นมาตรการ เชิงบวกในการส่งเสริมสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด พร้อมตั้งเป้า นำร่องปี 2564 ประเมินองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลกว่า 2,500 แห่ง ทั่วประเทศ

นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ภายใต้นโยบายการตรวจเงินแผ่นดินของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของ การรักษาวินัยการเงินการคลังของหน่วยงานของรัฐ รวมถึงบทบาทขององค์กรการตรวจเงินแผ่นดินในการ ส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐมีความรู้ความเข้าใจในหน้าที่ที่ต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง และ ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนปฏิบัติราชการ รวมทั้งมีการ บริหารเงินแผ่นดินอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561- 2580) ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 62 จึงได้จัดให้มี โครงการประเมินวินัยการเงินการคลังของ น่วยรับตรวจ” (Fiscal and Financial Discipline Assessment : FFDA) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้ ยุทธศาสตร์การตรวจเงินแผ่นดิน (พ.ศ. 2562-2565)

ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นปีแรกของการดำเนินโครงการ สตง. ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัด และเทศบาล โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1. องค์การบริหารส่วนจังหวัด

2. เทศบาลนครและเทศบาลเมือง

3. เทศบาลตำบล รวมจำนวน 2,548 แห่ง ทั่วประเทศ

โดยการดำเนินโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ ประเมินความรู้ความเข้าใจและการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และกฎหมายหรือระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาล ขณะเดียวกัน สตง. จะได้นำผลการประเมินไปเป็นข้อมูลประกอบการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ

สำหรับรูปแบบและวิธีการประเมินวินัยการเงินการคลังแบ่งออก 2 ส่วน ได้แก่

1. ารินความรู้ความเข้าใจในเรื่องวินัยการเงินการคลังของรัฐและการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ของเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาล โดยมีเครื่องมือหลักที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ บบปมินออนไลน์ ซึ่งคะแนนการประเมินในส่วนนี้จะพิจารณาจาก

1) ผลการ่วท้ิ่อื เช่น ผลการประเมินประสิทธิภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2563 (Local Performance Assessment: LPA) ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น

2) การองการเการลั ภายใต้กรอบการประเมิน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านรายได้ ด้านรายจ่าย ด้านการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ และด้านการบัญชี การรายงาน และการตรวจสอบ โดยจะทำการประเมินในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564

2.การประเมินแนะนำและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานให้กับองค์การบริหาร่วนจังหวัดและเทศบาล โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลที่ได้รับคะแนนการประเมินในส่วนที่ 1 ตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป และได้รับคะแนนสูงสุดในแต่ละประเภท ประเภทละ 4 หน่วยงาน จะได้รับการคัดเลือกให้เข้าสู่การประเมินในส่วนที่ 2 โดยใช้โปรแกรม “แนวทางในการจัดทำโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดธรรมาภิบาล” ซึ่งเป็นการประเมินพร้อมให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะเพื่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลได้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติงานที่ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล ะทาร ในช่วงเดือนสิงหาคม 2564

“สตง.จะประกาศผลการประเมินวินัยการเงินการคลังช่วงประมาณเดือนกันยายน 2564 ทางเว็บไซต์ สตง. (www.audit.go.th) สำหรับประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว นอกจากเป็นการเสริมสร้าง ภาพลักษณ์ที่ดีให้กับหน่วยงาน โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลที่ได้รับใบประกาศเกียรติคุณ จะเป็นต้นแบบให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นเข้ามาเรียนรู้และนำแนวทางการปฏิบัติงานไปประยุกต์ใช้ ต่อไปแล้ว ยังเป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความรู้ความเข้าใจใน หน้าที่ที่จะต้องรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ และปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการ ซึ่งจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะที่เป็น หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาชุมชน เศรษฐกิจ และสังคมของท้องถิ่น มีการใช้จ่ายเงิน อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ ในขณะที่ ประชาชนก็ได้รับประโยชน์จากการให้บริการของภาครัฐอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันจะ นำไปสู่ความมั่นคงของชาติและความมีเสถียรภาพอย่างยั่งยืนทางการเงินการคลังของประเทศต่อไป” ผู้ว่าการ ตรวจเงินแผ่นดิน กล่าว

นายประจักษ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การริเริ่มโครงการประเมินวินัยการเงินการคลังของหน่วยรับตรวจ ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของ สตง. นอกเหนือจากบทบาทด้านการตรวจสอบ ภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนาเครื่องมือที่มีลักษณะเป็นแบบประเมินการบริหารจัดการการเงิน การคลังของหน่วยรับตรวจ ซึ่งถือเป็น Non-audit Products และเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการตรวจเงิน แผ่นดิน (Innovative Auditing) ที่องค์กรการตรวจเงินแผ่นดินในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มผลักดันให้เป็น รูปธรรมอย่างต่อเนื่อง

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร โทร. 089 205 5078  081 988 6192